วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความทุกข์ของมนุษย์


กวนอิมน้อยสื่อสภาวธรรมโลกทิพย์ 
วันที่ 13 กันยายน 2557

**ความทุกข์ของมนุษย์**

            วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่หนูได้มีบุญ มีโอกาสได้เข้าไปสู่ดินแดนแห่งความสงบสุขและได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
            เมื่อหนูกราบนมัสการพระองค์ท่านแล้ว ก็ได้ทูลถามพระองค์ท่านว่า วันนี้พระองค์มีธรรมะอะไรที่จะสอนหนู และให้หนูนำไปเผยแผ่ให้แก่ทุกคนมีความปรารถนาที่จะฟังท่าน พระองค์ท่านก็บอกกับหนูว่า ให้หนูจำแนกทุกข์ในร่างกายของมนุษย์ว่ามีความทุกข์ทั้งหมดกี่แบบ และควรจะแก้ไขยังไงบ้าง
            พระองค์ท่านบอกหนูว่า ความทุกข์ที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เราสามารถที่จะแก้ไขแล้วเอาชนะมันได้

ทุกข์ที่ 1 / ทุกข์จากการกินในแต่ละวัน 

            เราต้องเป็นทุกข์กับการทำมาหากิน ไม่ว่าจะทำเท่าไหร่ก็ไม่พอกิน แล้วยังต้องตามใจกิเลสที่เกิดขึ้น หิวก็เป็นทุกข์ อิ่มมากไปก็เป็นทุกข์ กินไม่ได้ร่างกายผอมโซม ก็เป็นทุกข์../ และกินเยอะไปร่างกายอ้วน ก็เป็นทุกข์ และบางคนเพราะอยากจะกินจึงต้องสร้างกรรม สร้างวิบาก เบียดเบียนผู้อื่น เช่น ฆ่าปลา เพื่อให้ได้กิน ต้องไปขโมย หรือทำอาชีพไม่สุจริต เพื่อให้ได้กินของดีๆ
** ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่เราเป็นทุกข์เพราะการกิน
            พระองค์ท่านบอกหนูว่า ให้เราพิจารณาตาม แล้วค่อยๆเปลี่ยนนิสัยในการกิน ตามนี้ดู ให้เรารู้จักพอประมาณในการกิน หากมีอะไรก็กินอันนั้น ไม่ต้องพยายามหาสิ่งของ ของกินที่ทำให้เราพอใจ แต่กลับสร้างความเดือดร้อนให้เราคืน เช่น มีเงินก็น้อยแต่ต้องกินของแพงๆ กลัวอ้วน แต่กินสิ่งที่ชอบแบบไม่มีจำนวนจำกัด แล้วยังต้องมีโรคภัยเบียดเบียนตามมาอีกด้วย
            ให้พยายามดัดนิสัย เช่น หากเรากินมาก ก็ให้กินน้อยลง หากชอบกินของแพงๆ ก็ให้เรากินแต่พอประมาณที่เรามีอยู่ ตามเหตุตามปัจจัย อย่าให้เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราจะเป็นทาสของมันอย่างไม่รู้ตัวนะจ๊ะ ให้ทำแบบนี้ ค่อยๆทำไป ในที่สุดเราก็สามารถชนะมันได้ และไม่ต้องตกเป็นทาสของมันอีก ไม่ต้องทุกข์เพราะการกินอีกต่อไป

ความทกข์ที่ 2 / คือ การกลัวการแก่ 

            มนุษย์เราทุกคนมักจะกลัวกับความแก่ เมื่อแก่ตัวลง ความไม่สบาย ความไม่สวยไม่งามก็มาเยือน ไหนยังจะเป็นโรคขี้น้อยใจ คิดมาก กลัวลูกหลานจะไม่รัก และกลัวจะรังเกียจตน ขี้บ่น จู้จี้ เพราะเป็นห่วงลูกหลาน เลยกลายเป็นช่วงชีวิตที่มันยาก แล้วทุกข์มากในตอนแก่
            พระองค์ท่านบอกหนูว่า อย่ามัวแต่กลัวมันเลย ให้ทำใจยอมรับความจริง มองให้เห็นทุกสิ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติ ทำบุญ ถือศีลภาวนา สวดมนต์ไหว้พระ ทำจิตให้ชื่นบาน
            .... หากคนแก่ที่มีแต่บุญอยู่ในจิตใจ กายภายในก็จะเปลี่ยนกายภายนอกให้เป็นคนที่น่าอยู่ใกล้ ใครเห็นก็อยากจะช่วยเหลือ ขอพร และอยากจะทำบุญด้วย 
            .... หากเรากลัวและไม่ยอมรับความจริง ก็เหมือนคนดื้อ ใครก็ไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากทำดีด้วย ก็จะเป็นเหมือนคนน่ารังเกียจไปจริงๆ 
            …. การที่จะเอาชนะความแก่ได้ ก็คือ ทำใจยอมรับ มองให้เห็นความเป็นจริง ความเป็นธรรมดา ทำบุญ ทำจิตใจให้เบิกบานและปล่อยวาง ในที่สุดเราก็จะเอาชนะมัน ไม่ต้องตกเป็นทาสของมัน

ความทุกข์ที่ 3 / คือ ความตาย 

            มนุษย์เรา สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือ ความตาย แต่ส่วนมากก็มักจะมองข้ามแล้วลืมความตายอยู่เสมอ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ก็จะไม่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ และก็มักจะร้องขอชีวิต แต่ไม่ว่าจะร้องขอยังไง ท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่ดี เป็นตามธรรมชาติ
เมื่อเป็นแบบนี้ พระองค์ท่านจึงบอกหนูว่า ให้เราปรารถนา หากเราปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากการกลัวตาย ในแต่ละวัน ให้เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า สักวันหนึ่งฉันจะต้องตายเป็นแน่แท้ ตลอดเวลาที่ผ่าน มาฉันทำความดี ทำบุญทำทานไว้มากแล้วหรือยัง ได้ตอบแทนผู้มีพระคุณ บิดามารดา และผู้มีคุณกับเราไว้แล้วบ้างหรือยัง แล้วได้สร้างบาปอะไรไว้หรือเปล่า เราได้สร้างกรรมหรือบาปไว้กับสิ่งใด ก็ให้รีบแก้ไขก่อนที่จะไม่มีเวลา ให้รีบสร้างเสริมบุญบารมีไปลบล้างและขอขมากรรมให้หลุดก่อนที่ชีวิตเราจะสิ้นลงไป แล้วก็มองดูความดีว่า มันยังน้อยเกินไปหรือเปล่า และจะทำบุญ ทำความดีอะไรมาสร้างเสริมเพิ่มให้ได้มากที่สุด 
            .** เพราะอย่าลืมว่า บุญกุศล คุณงามความดีเป็นสิ่งที่จะพาดวงจิตของเรา ไปสู่ที่ที่สูงกว่าที่เป็นอยู่ อย่างแน่นอน
            .....เปรียบเสมือนการเกิด การเก็บหรือสะสมเงินทอง ข้าวของที่มนุษย์เราปรารถนาที่จะเก็บไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราก็ลองมาเก็บสะสมบุญกุศล คุณงามความดีแบบนั้นบ้างสิคะ สะสมให้ได้มากๆ เท่าที่พอจะทำได้เช่นเดียวกัน แต่มันต่างกันตรงที่ว่า การเก็บสะสมเงินทองไว้มากๆ เกินความจำเป็น จะทำให้เราติดอยู่และเราก็จะติดอยู่กับความทุกข์ และเราจะยังติดอยู่ในวัฏสงสาร... ต้องวนเวียน ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายอยู่อย่างนี้ ไม่มีวันหลุดพ้น

            ต่างจากการสะสมบุญนั้น หากยิ่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเท่านั้น และยังนำพาเราให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ จนชีวิตหลังความตาย ก็จะได้ไปสู่ที่ที่ดีกว่า เป็นแน่แท้ และก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ แม้ความตายก็จะไม่กลัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนตายไป ก็จะต้องไปสู่ที่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
ให้เราสำนึกอยู่เสมอว่า การเกิดมาครั้งนี้ของเราขาดทุนหรือเปล่า การเกิดของมนุษย์ก็เหมือนกับการมาลงทุน 

            -- หากเราทำความดี สร้างบุญ สร้างกุศล ทำให้ดวงจิตไปสู่ที่ที่สูงหรือดีกว่าได้ ถือว่าเป็นผู้มีกำไรในการมาเกิด
            -- แต่ถ้าเราเกิดมาแล้ว ไม่รู้ค่าในการเกิด สร้างแต่บาป ทำแต่ความชั่ว เราก็จะเป็นผู้ขาดทุนในการเกิด

            ** การเกิดมาของมนุษย์ มีค่ามาก แต่จะไม่มีค่าอะไรเลย หากตกเป็นผู้ขาดทุนในการเกิด เปรียบเสมือนสิ่งของที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว ก็กลายเป็นของไร้ค่า ก็จะต้องถูกทิ้งลงถังขยะในที่สุด …

https://youtu.be/8kU3LIX9xfM

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น