พระครูวิหารกิจจานุการ | |
---|---|
(ปาน โสนนฺโท) | |
เกิด | 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2418 |
มรณภาพ | 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 |
อายุ | 63 |
อุปสมบท | พ.ศ. 2439 |
พรรษา | 42 |
วัด | วัดบางนมโค |
ท้องที่ | พระนครศรีอยุธยา |
ตำแหน่ง ทางคณะสงฆ์ | เจ้าอาวาสวัดบางนมโค |
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
อ.เสนา
จ.พระนครศรีอยุธยา
(2418 – 2481) นามเดิม ปาน สุทธาวงศ์ เกิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2418 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน หมู่ที่ 5 ตำบลบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบิดา - มารดา นายอาจ และนางอิ่ม สุทธาวงศ์ อุปสมบท เมื่ออายุครบ 21 ปี บริบูรณ์ บิดามารดาจึงได้นำตัวมาฝากกับหลวงปู่คล้าย เจ้าอาวาสวัดบางนมโคในขณะนั้น เพื่อฝึกหัดพิธีกรรมในการขออุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ตามจารีตประเพณีของไทยต่อไป และท่านก็ได้อุปสมบทที่วัดบางปลาหมอ เนื่องจากวัดบางนมโคในสมัยนั้นยังไม่มีโบสถ์ ท่านจึงต้องไปบวชที่วัดบางปลาหมอแทน ท่านบวชเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2438 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม โดยมีหลวงพ่อสุ่น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จ้อย วัดบ้านแพนเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์อุ่ม วัดสุธาโภชน์ เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “โสนันโท” เมื่อบวชพรรษาแรก หลวงปู่คล้ายให้หลวงพ่อปานมาอยู่กับหลวงพ่อสุ่น พระอุปัชฌาย์หนึ่งปีก่อน เพื่อจะได้อบรมสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ หลวงพ่อปานมาอยู่กับหลวงพ่อสุ่น ท่านก็สอนวิชาการต่าง ๆ ทางด้านอภิญญาสมาบัติ และก็เรียนกรรมฐานกองต่าง ๆ ปรากฎว่าภายในพรรษาเดียว ท่านทรงกรรมฐานในด้านสมถะได้เกินกว่าสิบกอง พอออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อสุ่นก็ให้หลวงพ่อปานไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพ ท่านก็ถูกส่งไปที่วัดสระเกศ ไปเรียนอยู่ที่นั่น 6 ปี เป็นพรรษาที่ 7 ที่ท่านเรียนจบบาลีในสมัยนั้น แต่ไม่ได้สอบ แปลถึงพระอภิธรรม ท่านแปลจนกระทั่งจำได้ทั้งหมดในกรรมฐานทั้ง 40 ในศีลนิเทศ สมาธินิเทศ ในปัญญานิเทศ ท่านแปลได้คล่องและจำเนื้อความได้ทั้งหมด การอธิบายในวิสุทธิมรรค ท่านอธิบายได้ถึง 5 ขั้น คือ ตั้งแต่ยากลงมาง่าย 5 ระดับด้วยกัน เมื่อท่านกลับมาถึงวัดบางปลาหมอ หลวงพ่อสุ่นก็ให้หลวงพ่อปานไปบูรณะวัดบางนมโค แล้วท่านก็มาอยู่วัดบางนมโค ในพรรษาย่างเข้าพรรษา 8 เริ่มสร้างเจดีย์บูรณะสิ่งต่าง ๆ ในวัด นอกจากนั้นท่านยังเป็นนักเทศน์ฝีปากเอก ยากที่ใครจะเทียบได้ ท่านได้หาโอกาสศึกษาความรู้ในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมฐานไปด้วย พร้อมกันนั้นท่านก็แสวงหาอาจารย์ดี ๆ ที่มีความรู้เก่ง ๆ ในด้านเวชกรรมแผนโบราณ (หมอแผนโบราณ) จนท่านมีความรู้ในด้านรักษาโรคและรดน้ำมนต์ รักษากระดูกหัก สัตว์ร้ายที่มีพิษกัด ปัดเป่ารังควานทางภูติผีปีศาจ คุณไสยต่าง ๆ เป็นอันมาก ท่านจึงได้เปิดที่ทำการรักษาโรคที่วัด มีคนมารักษาโรคจากท่านมากมาย เป็นที่โด่งดังไปทั่ว นอกจากนั้นแล้ว ท่านยังได้จัดตั้งโรงเรียนสอนภิกษุสามเณรและเด็กวัด ตลอดจนชาวบ้านที่สนใจเรียน ภารกิจของท่านในแต่ละวันจึงหนักมาก ทั้งด้านเป็นหมอรักษาโรค และเทศน์สงเคราะห์คน อีกทั้งสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก จึงกล่าวได้ว่า ท่านเป็นพระที่หาได้ยากยิ่งองค์หนึ่ง เป็นทั้งพระนักพัฒนาและนักปฏิบัติดีเยี่ยม สมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 ได้มีคณะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบ้านเมืองได้นำพัดยศพระราชทาน พร้อมด้วยสัญญาบัตรตราตั้งในสมณศักดิ์ชั้นพิเศษว่า “พระครูวิหารกิจจานุการ” (ปาน โสนันโท) และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มาพระราชทานให้แก่ท่านที่วัดบางนมโค และในปี พ.ศ. 2478 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดบางนมโค ต่อจากพระอธิการเย็น สุนทราวงศ์ เจ้าอาวาสองค์ก่อน ซึ่งท่านเป็นผู้สนับสนุนให้เป็นเจ้าอาวาส มรณภาพ ท่านถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ตรงกับวันอังคาร แรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีขาล เวลา 18.00 น. ที่วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยโรคปอดอักเสบ สิริรวมอายุได้ 64 ปี
อ.เสนา
จ.พระนครศรีอยุธยา
(2418 – 2481) นามเดิม ปาน สุทธาวงศ์ เกิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2418 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน หมู่ที่ 5 ตำบลบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบิดา - มารดา นายอาจ และนางอิ่ม สุทธาวงศ์ อุปสมบท เมื่ออายุครบ 21 ปี บริบูรณ์ บิดามารดาจึงได้นำตัวมาฝากกับหลวงปู่คล้าย เจ้าอาวาสวัดบางนมโคในขณะนั้น เพื่อฝึกหัดพิธีกรรมในการขออุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ตามจารีตประเพณีของไทยต่อไป และท่านก็ได้อุปสมบทที่วัดบางปลาหมอ เนื่องจากวัดบางนมโคในสมัยนั้นยังไม่มีโบสถ์ ท่านจึงต้องไปบวชที่วัดบางปลาหมอแทน ท่านบวชเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2438 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม โดยมีหลวงพ่อสุ่น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จ้อย วัดบ้านแพนเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์อุ่ม วัดสุธาโภชน์ เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “โสนันโท” เมื่อบวชพรรษาแรก หลวงปู่คล้ายให้หลวงพ่อปานมาอยู่กับหลวงพ่อสุ่น พระอุปัชฌาย์หนึ่งปีก่อน เพื่อจะได้อบรมสั่งสอนวิชาการต่าง ๆ หลวงพ่อปานมาอยู่กับหลวงพ่อสุ่น ท่านก็สอนวิชาการต่าง ๆ ทางด้านอภิญญาสมาบัติ และก็เรียนกรรมฐานกองต่าง ๆ ปรากฎว่าภายในพรรษาเดียว ท่านทรงกรรมฐานในด้านสมถะได้เกินกว่าสิบกอง พอออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อสุ่นก็ให้หลวงพ่อปานไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่กรุงเทพ ท่านก็ถูกส่งไปที่วัดสระเกศ ไปเรียนอยู่ที่นั่น 6 ปี เป็นพรรษาที่ 7 ที่ท่านเรียนจบบาลีในสมัยนั้น แต่ไม่ได้สอบ แปลถึงพระอภิธรรม ท่านแปลจนกระทั่งจำได้ทั้งหมดในกรรมฐานทั้ง 40 ในศีลนิเทศ สมาธินิเทศ ในปัญญานิเทศ ท่านแปลได้คล่องและจำเนื้อความได้ทั้งหมด การอธิบายในวิสุทธิมรรค ท่านอธิบายได้ถึง 5 ขั้น คือ ตั้งแต่ยากลงมาง่าย 5 ระดับด้วยกัน เมื่อท่านกลับมาถึงวัดบางปลาหมอ หลวงพ่อสุ่นก็ให้หลวงพ่อปานไปบูรณะวัดบางนมโค แล้วท่านก็มาอยู่วัดบางนมโค ในพรรษาย่างเข้าพรรษา 8 เริ่มสร้างเจดีย์บูรณะสิ่งต่าง ๆ ในวัด นอกจากนั้นท่านยังเป็นนักเทศน์ฝีปากเอก ยากที่ใครจะเทียบได้ ท่านได้หาโอกาสศึกษาความรู้ในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมฐานไปด้วย พร้อมกันนั้นท่านก็แสวงหาอาจารย์ดี ๆ ที่มีความรู้เก่ง ๆ ในด้านเวชกรรมแผนโบราณ (หมอแผนโบราณ) จนท่านมีความรู้ในด้านรักษาโรคและรดน้ำมนต์ รักษากระดูกหัก สัตว์ร้ายที่มีพิษกัด ปัดเป่ารังควานทางภูติผีปีศาจ คุณไสยต่าง ๆ เป็นอันมาก ท่านจึงได้เปิดที่ทำการรักษาโรคที่วัด มีคนมารักษาโรคจากท่านมากมาย เป็นที่โด่งดังไปทั่ว นอกจากนั้นแล้ว ท่านยังได้จัดตั้งโรงเรียนสอนภิกษุสามเณรและเด็กวัด ตลอดจนชาวบ้านที่สนใจเรียน ภารกิจของท่านในแต่ละวันจึงหนักมาก ทั้งด้านเป็นหมอรักษาโรค และเทศน์สงเคราะห์คน อีกทั้งสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก จึงกล่าวได้ว่า ท่านเป็นพระที่หาได้ยากยิ่งองค์หนึ่ง เป็นทั้งพระนักพัฒนาและนักปฏิบัติดีเยี่ยม สมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 ได้มีคณะเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายบ้านเมืองได้นำพัดยศพระราชทาน พร้อมด้วยสัญญาบัตรตราตั้งในสมณศักดิ์ชั้นพิเศษว่า “พระครูวิหารกิจจานุการ” (ปาน โสนันโท) และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มาพระราชทานให้แก่ท่านที่วัดบางนมโค และในปี พ.ศ. 2478 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดบางนมโค ต่อจากพระอธิการเย็น สุนทราวงศ์ เจ้าอาวาสองค์ก่อน ซึ่งท่านเป็นผู้สนับสนุนให้เป็นเจ้าอาวาส มรณภาพ ท่านถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ตรงกับวันอังคาร แรม 14 ค่ำ เดือน 8 ปีขาล เวลา 18.00 น. ที่วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยโรคปอดอักเสบ สิริรวมอายุได้ 64 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น