วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กวนอิมน้อยท่องโลกทิพย์ **ท่องวิมานหลวงพ่อฤาษีลิงดำ**

พระราชพรหมยาน
(วีระ ถาวโร)
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
LP001.jpg
เกิด8 กรกฎาคม พ.ศ. 2459
มรณภาพ30 ตุลาคม พ.ศ. 2535
อายุ76
อุปสมบท16 กรกฎาคม พ.ศ. 2479
พรรษา56
วัดวัดจันทาราม (ท่าซุง)
ท้องที่อุทัยธานี
สังกัดมหานิกาย
วุฒิการศึกษาเปรียญธรรม 4 ประโยค
นักธรรมชั้นเอก
ตำแหน่ง
ทางคณะสงฆ์
เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง)


กวนอิมน้อยท่องโลกทิพย์ วันที่ 16 มิถุนายน 2558
ตอนที่ 1 **ท่องวิมานหลวงพ่อฤาษีลิงดำ**



            วันนี้ กวนอิมน้อยจะมาเล่าเรื่องการท่องโลกทิพย์ ที่ไปหาหลวงปู่ฤาษีลิงดำให้ฟังว่า ไปแล้วเจอหลวงปู่ท่านเป็นแบบไหน อยู่ที่ไหน หลังจากที่ท่านดับขันธ์ไปแล้ว ท่านไปมีสภาวธรรมเป็นเช่นไร...
            กวนอิมน้อยได้นั่งสมาธิจนพลังเต็มดวงแก้ว ดวงแก้วก็ออกจากกายไป ลอยไป.. สู่หมู่เมฆสีขาว แล้วก็ทะลุอาณาจักรของสวรรค์ไป
มองลงไปข้างล่าง มีเวียงวังใหญ่โตมโหฬาร เป็นสีเขียวบ้าง สีทองบ้าง สีเหลืองบ้าง สวยสดงดงาม
เป็นอาณาจักรที่น่าอยู่น่าอาศัย มีดอกไม้สวยงาม มีแม่น้ำ ภูเขา สวยมาก
แต่ที่นั่น คงไม่ใช่บ้าน หรือไม่ใช่ที่ที่หลวงปู่ไปอยู่แน่เลย จึงไม่ได้สนใจ และเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านหุบเขาลูกหนึ่ง หุบเขาลูกนั้นมีลักษณะคล้ายกับเป็นหน้าผา และก็เป็นทางเข้า คล้ายกับประตูถ้ำ แต่เมื่อโผล่เข้าไปในอีกฝั่งหนึ่งของหุบเขาลูกนั้น ตามประตูถ้ำนั้นไป ก็ไม่มีอะไร-- มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยแม้สักสิ่งสักอย่าง มีแต่บันไดเป็นสีขาว- ขาวจนใส.. ใสจนเป็นแก้ว
แล้วกวนอิมน้อยก็เดินๆ ค่อยๆเดิน คล้ายกับการเดินจงกรม แต่เดินอยู่บนทางเท้าที่มีอยู่เพียงเล็กนิดเดียว
ก็เดินไปเรื่อยๆ แล้วก็ทำจิตใจของตนเองให้สงบ.. พอจิตสงบแล้ว ก็เลยนึกขึ้นมาในจิตว่า
“หลวงปู่ฤาษีลิงดำเจ้าขา ท่านไปอยู่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ กวนอิมน้อยต้องการมาเข้าเฝ้า เข้าพบหลวงปู่เจ้าค่ะ”
และแล้วก็มีเสียงตอบกลับมาว่า “มีธุระอะไรเหรอ ? ”
กวนอิมน้อยจึงตอบกลับไปกับหลวงปู่ว่า “กวนอิมน้อยอยากมาหาหลวงปู่ เพื่อที่จะได้รู้ว่า หลังจากที่หลวงปู่ดับขันธ์มาแล้ว หลวงปู่เป็นยังไงบ้าง มาอยู่ที่ไหน และหลวงปู่มีสภาวธรรมเป็นเช่นไร เพื่อจะได้ไปถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้ฟังกันเจ้าค่ะ
แล้วหลวงปู่ท่านก็ปรากฏกายขึ้นตรงข้างหน้าของกวนอิมน้อย ซึ่งมีกายแวววาว เป็นแก้วใสๆ พร้อมทั้งรอยยิ้มของหลวงปู่ ..มีแสงสว่างเจิดจ้าออกจากลำตัวของหลวงปู่ หลวงปู่จึงเรียกกวนอิมน้อยว่า “จงขึ้นมาเถิด”
ทางที่จะเดินขึ้นไปหาหลวงปู่นั้น เป็นบันไดไม่กี่ขั้น
กวนอิมน้อยก็เดินขึ้นไป แต่แล้วหลวงปู่ก็หายไปอีก ไม่รู้ว่าไปไหน
เมื่อกวนอิมน้อยเดินขึ้นบันไดไปจนถึงแท่นที่หลวงปู่นั่งตอนตะกี๊ -- ก็ไม่เห็นหลวงปู่แล้ว
กวนอิมน้อยจึงนั่งลง กรรมฐาน นึกถึงหลวงปู่ว่า “หลวงปู่เจ้าขา หลวงปู่ไปไหน? ”
ทีนี้ก็ปรากฏหลวงปู่อีกหลายๆองค์เลย แต่เป็นแก้วใสๆ ยืนเต็มแถวเลย หลายพระองค์มาก
แล้วก็เป็นทางเดินเข้าไป คล้ายๆกับเป็นทางเดินที่เป็นแก้ว แต่ก็มีความรู้สึกเหมือนจะเป็นป่า ที่เป็นแก้วใสไปหมดเลย
กวนอิมน้อยก็กราบหลวงปู่ทุกๆองค์ เสร็จแล้วก็เดินไปตามทางนั้น เดินไปเรื่อยๆ จนมองเห็นไกลๆว่าที่นั่นมีอาณาจักรแห่งหนึ่ง เป็นแก้วใส แต่เป็นลักษณะคล้ายกับบ้านเรือน กว้างใหญ่มโหฬารมาก ใหญ่เท่ากันกับโลกมนุษย์เรา ที่มีพื้นที่ในหนึ่งอำเภอเลยทีเดียว กว้างใหญ่มาก แล้วก็เป็นแก้วใสทั้งหมด
แต่กวนอิมน้อยก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แค่เห็นว่าเป็นสภาวธรรมเป็นเช่นนั้น แต่จิตก็ยังมองหาหลวงปู่อยู่ ว่าหลวงปู่ท่านหายไปไหน ก็เดินไปตามทางเรื่อยๆที่มีทางเท้ามารองรับ คือจะเป็นสะพานแก้วใสๆ เดินไปเรื่อยๆ ทางด้านข้างของทางเดินนั้น จะเป็นแก้ว เป็นดอกไม้แก้ว สวยงาม อยู่ด้านข้าง แวววาว ประกายแสงสวยมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ก็เห็นเป็นธรรมดา เพราะว่าเห็นบ่อยแล้ว ก็เลยไม่ตื่นเต้นอะไร…
พอเดินๆ ไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีหนึ่ง ก็ถึงตรงประตูของหลวงปู่แล้ว เขียนว่า เป็นบ้านของหลวงปู่
ถ้าเป็นภาษาของมนุษย์ก็เขียนว่า บ้านหลวงปู่ฤาษีลิงดำ แต่เขาเขียนไว้เป็นภาษาเทพ ภาษาเบื้องบน
เราก็เลยอธิษฐานจิตว่า “หลวงปู่เจ้าขา ถ้าให้หนูเข้าไป ก็ให้หนูฝ่าประตูนี้เข้าไปได้”
ทีนี้ก็รู้สึกว่า หายตัวเข้าไปในบ้าน ไม่ได้เดินเข้าไปในบ้านนั้น
เข้าไปถึงข้างในก็มีความโล่งๆ ว่างๆ แต่รู้สึกจะเป็นแก้วไปหมด แม้แต่ร่างกายของหนูเองตัวเล็กๆ ก็เป็นแก้วใสๆ เป็นแก้วไปกับเขาด้วย เดินๆไป เจอแจกันดอกไม้ใหญ่ๆ เท่ากันกับตัวของหนูเลย มีดอกไม้ใส่ไว้ในนั้นด้วย เป็นดอกไม้แก้วที่สีออกเป็นสีชมภู สีรุ้ง จะมีหลากหลายรูปแบบ แจกันดอกไม้อันใหญ่มาก …
เดินไปก็ไม่เห็นหลวงปู่ ขึ้นบันไดไป 4-5 ขั้น ขึ้นไปมีผ้าม่านสีเขียวอ่อน เป็นแก้วแวววาวใส ไม่ใช่ผ้าม่านเหมือนโลกมนุษย์เรา แต่รู้ว่านั่นคือสิ่งแทนผ้าม่าน
แล้วก็เดินๆไป หาหลวงปู่ไม่เจอเลย ทีนี้ก็เลยตั้งจิตอธิษฐานด้วยบารมีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
“...ข้าแต่องค์พระบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอพลังของพระองค์ ช่วยให้ลูกได้หาหลวงปู่เจอด้วยเถอะ..”
ยังอธิษฐานไม่ทันจบเลย หลวงปู่ท่านก็ปรากฏกายอยู่ตรงด้านหน้าหนูแล้ว เป็นแก้วใสๆ แล้วก็ยิ้ม แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไร หันหลังใส่ แล้วก็ลอยไปเลย
ทีนี้หนูก็เลยตั้งจิตอธิษฐานให้ดอกบัวแก้วรองรับขึ้นมา ลอยตามหลวงปู่ไป ไม่งั้นก็คงจะไม่ทันปู่อีก ดอกบัวมารองรับที่เท้า แล้วก็เป็นเด็กตัวเล็กๆใส นั่งอยู่บนดอกบัว ก็ลอยตามหลวงปู่ไปเรื่อยๆ จนเห็นที่หนึ่ง มีพระพุทธเจ้าเป็นแก้วเฉยๆ แต่ไม่ใช่ดวงจิตของพระองค์ เป็นปางยืน ยกมือประทานพร คล้ายๆกับปางตรัสรู้แต่ยืนอยู่ ก็เลยกราบพระองค์ท่าน
แล้วก็ลอยตามทางที่หลวงปู่ไปน่ะแหละ เห็นข้างหลังใสๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นหลวงปู่ ตามไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดเสียที เพราะมันกว้างมาก จนถึงที่หนึ่ง เห็นเป็นรูปร่างหน้าตาคล้ายหลวงปู่นี่แหละ รู้ว่าเป็นหลวงปู่ แต่ว่าไม่แก่ ยังหนุ่มๆอยู่เลย เป็นแก้วใสๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใสๆ แสงแวววาวมาเลย คล้ายๆหลวงพ่อองค์ปฐมที่หลวงปู่ไว้ที่วัด แต่เป็นหลวงปู่ไม่ใช่หลวงพ่อองค์ปฐมนะ-- หลวงปู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แต่เหมือนจะไม่มีดวงจิต เป็นรูปปั้นเฉยๆ
หนูก็เลยกราบ เสร็จแล้วก็ถามหาดวงจิตหลวงปู่ ว่าดวงจิตหลวงปู่ไปอยู่ไหน เพราะเห็นแต่สภาวธรรมเป็นสิ่งแทนหลวงปู่ แต่ที่นั่นจะแวววาว สวยมากเลย ดอกไม้ก็กลิ่นหอม..มาก บ้านของปู่จะเป็นแก้วใสๆ สีแสง สีสวยมาก สามารถย่อให้เล็กได้ จากที่กว้างเป็นอำเภอในโลกมนุษย์ ย่อให้เท่ากับกำปั้นของเราเองก็ได้ และสามารถขยายใหญ่ขึ้นก็ได้ แล้วแต่หลวงปู่ท่านจะทำ จะให้วิมานหายไปเลยก็ได้ แต่ท่านไม่ได้ทำ ท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น
หนูก็เลยนั่งกรรมฐานข้างหน้าที่อยู่ของท่านน่ะแหละ ทีนี้ก็ได้ยินเสียงว่า “มาทางนี้เถิด”
หนูก็เห็นถ้ำๆหนึ่ง เห็นคล้ายๆประตูถ้ำ น่าจะเป็นถ้ำของโลกนิพพาน ไม่ใช่ถ้ำของโลกมนุษย์ แต่ลักษณะคล้ายกัน ใสเป็นแก้ว แวววาว สวยงาม ประตูมีแสงสีเหลือง
หนูก็เดินไป ก็อธิษฐานจิตให้เข้าไปได้ พอหนูเข้าไป หลวงปู่ท่านก็นั่งอยู่ในถ้ำแห่งนั้น บำเพ็ญ หลับตาอยู่ มีที่นั่งอยู่ที่หนึ่งใกล้ๆหลวงปู่ ท่านก็บอกว่า “นั่งตรงนี้สิ กวนอิมน้อย” หนูก็เลยไปนั่งตรงที่ที่หลวงปู่บอกให้นั่ง
หนูก็กราบหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่าให้หนูตั้งใจปฏิบัติ อย่ามัวแต่เล่น ถึงว่าจะเป็นเด็กๆ ก็อย่าเล่นมาก ต้องตั้งใจปฏิบัติ เพราะว่าเราจะต้องทำหน้าที่ ภาระอีกเยอะที่จะต้องทำ ท่านก็สอน และบอกให้หนูตั้งใจกรรมฐาน เพราะจะได้นำพาดวงจิตเข้านิพพาน ได้เยอะแยะมากมาย อย่าซน อย่าเล่น.. ท่านก็สอนหนู
ท่านก็พาหนูไปเที่ยวในอาณาจักรของท่าน ในจุดต่างๆ เป็นพระธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่ท่านเคยสร้างไว้ที่หน้าโบสถ์ ที่ท่านเคยสร้างไว้ก็ไปปรากฏที่โน่น เป็นเจดีย์ เป็นเวียงวัง กว้างใหญ่ ใหญ่โตมโหฬาร ไม่รู้จะอธิบายแบบไหน ใหญ่มาก
ทีนี้ท่านก็พาหนูไป เสาแต่ละต้นนี่ใหญ่มาก เท่ากับสิบคนล้อม สวยมาก ท่านก็พาไปนั่งอีกที่หนึ่ง เป็นที่กลางแจ้ง ท่านก็ย่ออาณาจักรให้ดู-- ย่อเล็ก แล้วก็ทำให้ใหญ่ขึ้น.. แล้วก็ย่อเล็ก ทำให้ใหญ่ขึ้น
หนูก็ถามปู่ว่า “ปู่ มาอยู่ที่พระนิพพานนี่ สบายดีมั้ย” ปู่บอก “สบายมาก”
หนูถามว่า “แล้วปู่จะกลับไปตรัสรู้อีกมั้ย”
หลวงปู่บอกว่า “ไม่ไปแล้ว อยู่ที่นี่แหละสบายดี จะไม่ไปลำบากอีกต่อไปแล้ว ”
หลวงปู่บอก ท่านจะไม่มาตรัสรู้ ขอลาแค่นี้ก็พอ...
หนูก็เลยถามหลวงปู่ว่า “เมื่อครั้งหลวงปู่อยู่ที่โลกมนุษย์ สร้างบารมีมากมาย สร้างผู้คนให้เข้าถึงความพ้นทุกข์ได้มากมาย ตอนหลวงปู่นิพพานไป หลวงปู่เป็นอรหันต์ที่มีบารมีมาก -- ตามที่หนูตรวจดู หลวงปู่มีบารมีมากเท่ากับพระปัจเจกองค์หนึ่งเลย ใช่มั้ยเจ้าคะ”
หลวงปู่บอกว่า “การสร้างบารมี..ก็สร้างมามาก แต่ภพชาติสุดท้ายที่ลามา ก็ได้มอบกายถวายชีวิต กับองค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า และทำงานแทนให้พระองค์ท่าน ประกาศธรรมแทนพระองค์ท่าน -ในกายหยาบ
ทีนี้บารมีของปู่ก็เลยได้เท่ากันกับเป็นพระปัจเจกองค์หนึ่ง หรือเป็นสาวกข้างซ้ายขวาของพระพุทธองค์ เหมือนพระสารีบุตร กับพระโมคคัลลานะ”
หนูก็เลยได้รู้ว่า หลวงปู่ถึงแม้จะสร้างบารมีในรูปแบบของอรหันตสาวกผู้ตาม.. ให้พ้นทุกข์ ท่านก็สามารถสร้างบารมีของท่านจนมาเทียบเท่าพระบารมีพระปัจเจกพระองค์หนึ่ง เพราะว่าท่านสามารถสอนสั่งให้คนพ้นทุกข์ได้เยอะมาก และธรรมคำสอนของท่านนั้น สอนให้คนได้เข้าถึงความพ้นทุกข์ อย่างแท้จริง...
หลวงปู่ท่านก็เลยพาหนูไป เดินไปในอีกที่หนึ่ง เดินก็เหมือนจะไม่ใช่เดินนะ เหมือนจะลอยไปในอากาศ
มองลงไปข้างล่าง จะเป็นประตูกลมๆ แล้วก็มองทะลุลงไปก็จะมีพวกสัมภเวสี ใส่ชุดสีขาวๆ แต่หน้าตาไม่ใช่ผีเปรตนะ เป็นธรรมดาเหมือนเทวดานี่แหละ แต่ว่าใส่ชุดขาวๆ เหมือนจิตวิญญาณ ลอยไป ลอยมา
แต่เขาจะทุกข์ทรมาน เพราะว่าไม่มีอะไรกิน เขาจะอยู่กันหลายๆคนเลย เป็นกลุ่มๆ เป็นคณะๆ
ปู่ก็จับมือหนูไปดู หนูก็ลอยอยู่กับปู่ หนูก็ถามว่า “หลวงปู่ คนเหล่านี้ จิตอย่างนี้เขามาจากไหน ทำไมเขาถึงอยู่ใกล้วิหาร อยู่ใกล้บ้านของปู่ได้แล้ว บ้านของปู่อยู่นิพพาน .. จิตเหล่านี้เขาไม่ได้นิพพาน แล้วทำไมถึงมาอยู่ใกล้ได้”
ปู่บอกว่า “อันนี้เป็นอีกมิติหนึ่ง นี่ไม่ใช่นิพพาน แต่ว่าดวงจิตเหล่านี้เขาถูกทำโทษ เพราะว่าเมื่อครั้งเขาเป็นมนุษย์อยู่ เขาชอบด่าพระผู้ปฏิบัติ.. ชอบว่าคนนั้น ว่าคนนี้ โดยเฉพาะปู่นี่ เขาชอบว่าปู่ตอนเมื่อครั้งเป็นมนุษย์อยู่…
ฉะนั้นการบำเพ็ญปฏิบัติ ไม่รู้ว่าใครปฏิบัติในแนวทางแบบไหน ปฏิบัติไปทางไหนตามจริตของแต่ละคน แต่ดันกลับไปว่าผู้อื่นเสียๆหายๆ ด่าทอ ด่าว่า สารพัดจะว่า..
เมื่อครั้งตายมา ก็เลยต้องมาอยู่เป็นจิตแบบนี้แหละ อยู่แบบล่องลอย หิวโหย และเขาจะมองเห็นราชวังของปู่ได้เพราะว่า เขามีกรรมที่ต้องชดใช้ ห้อยๆอยู่ แต่อยู่ในมุม ในอีกมิติหนึ่ง
เขาจะมองเห็นพระราชใหญ่โต อยู่แบบนี้ อยู่แบบนั้น เขาจะมองเห็น แต่ไม่ใช่ว่าปู่ทำโทษเขา แต่เป็นกฎแห่งกรรม เพราะคนพวกนี้ไม่รู้จักระวังตัวเอง คอยแต่จะไปกล่าวว่าร้ายผู้อื่น โดยที่ตนนั้นไม่ได้พิจารณาตนเอง
เมื่อครั้งตายมา ก็เลยต้องมาอยู่แบบนี้เพื่อชดใช้กรรม
ไปเกิดเยอะแล้ว แต่ก็จะมาอีกเยอะ เพราะว่าคนที่ชอบว่าผู้อื่น ว่านักบวช ว่าผู้ปฏิบัติ ในแนวทางที่ไม่ใช่แบบที่ตนชอบ -- ก็ไปหาว่า เขาผิดบ้าง โอ้อวดบ้าง ทั้งที่ตนยังไม่รู้ในสิ่งที่คนอื่นรู้ แต่ก็หาว่าไม่มีอยู่จริง ไปยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านเยอะ พอตายแล้ว ก็มาชดใช้กรรมแบบนี้-- แต่ที่ไม่ได้เป็นเปรต ไม่ได้ตกนรก เพราะว่า ก็มีบุญที่ได้สั่งสมมา ในรูปแบบของตนเองก็เยอะ
ทีนี้ก็เลยให้มาชดใช้กรรม แค่ให้หิว และก็นั่งดูวิมานแก้วของผู้อื่น นั่งดูความสุขของผู้อื่นไป จนกว่าจะหมดกรรม” หลวงปูก็เล่าให้ฟังแค่นี้
ปู่ก็เลยพาไปดูในขุมต่างๆ ก็จะมีพวกเหมือนกับน่ากลัวๆ ตัวเขาจะมีผิวหยาบๆเหมือนคางคก รูปร่างเป็นมนุษย์ แต่ว่าตัวจะใหญ่กว่ามนุษย์ อันนั้นก็จะเป็นกรรมหนัก
ก็จะมีกรรมหนัก-กรรมเบา แตกต่างกันไปแต่ละขุมๆ แต่จะอยู่เหมือนกับเป็นอีกมิติหนึ่ง..
ถ้าเราดูแบบผิวเผิน มันก็จะเหมือนกับว่า อยู่ใกล้ๆกับราชวังของปู่ที่นิพพาน มองลงไป ข้างบน ก็จะเป็นราชวังแก้วใหญ่ สวยๆ เป็นดินแดนที่มีความสุข แต่ว่า มันจะมีมิติต่ำตัดเข้ามา พอมาโผล่อีกคันหนึ่ง ก็จะมีผีเหล่านี้แหละ อยู่เป็นขุมๆ ไป คล้ายกับมิติที่เป็นน้ำเต้า เข้าไปอยู่ในนั้น มีอยู่ประมาณ 6 ขุม มีดวงจิตที่อยู่ในนั้น ประมาณ 8-900 รวมทั้งหมดเท่าไหร่ หลวงปู่บอกว่า ประมาณ 600 กว่าดวงจิต ที่จะไปเกิดก็มี ที่จะมาใหม่ก็มี แล้วแต่รอบ แล้วแต่กรรมที่เขาสร้าง เขาทำไป
ทีนี้หลวงปู่ก็เลยพาหนูกลับทะลุไปที่อีกมิติที่เป็นบ้านของท่าน ท่านถามว่า หนูปรารถนาสิ่งใดบ้างหรือเปล่า ที่อยู่ในวิมานของท่าน อยู่ในอาณาจักรของท่าน มีของเยอะแยะมากมาย หนูอยากได้อะไรบ้างหรือเปล่า
หนูบอกว่า ไม่อยากได้อะไร แค่มาเที่ยวหาปู่เฉยๆ
ทีนี้หลวงปู่ก็เลยให้ดอกบัวแก้วหนูมา 7 ดอก หนูก็กราบลาหลวงปู่ บอกหลวงปู่ว่าวันหลังจะไปเที่ยวใหม่
ก็เลยกลับมา ค่อยๆถอยออกมา ทะลุอีกมิติหนึ่ง แล้วก็ถอยออกมาที่สวรรค์ ก็จะเป็นน้ำตก แล้วก็ถอดกายทิพย์ไว้ตรงนั้นอีกทีหนึ่ง แล้วก็ดึงกายทิพย์เข้าที่กายทิพย์ ดึงกายทิพย์กลับมาที่กายหยาบ
แล้วก็มาเล่าให้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ฟัง จะได้รู้ว่า หลวงปู่ไปแล้ว เป็นแบบไหน สบายดีมั้ย หลวงปู่มีบารมีเยอะขนาดไหน แต่ไม่ใช่การเอามาโอ้อวดว่าได้เท่านั้นเท่านี้ แต่เป็นการที่มาเล่าถึงสภาวธรรมของความเป็นจริง เพื่อให้ลูกศิษย์ของปู่ได้รู้ว่า การสร้างความดี เราก็จะได้ดีจริงๆ
การที่หลวงปู่อดทนเมื่อครั้งเป็นมนุษย์อยู่-- อดทน อดกลั้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ใครจะด่า จะว่าอะไร ปู่ก็สร้างความดี ท้ายที่สุดหลวงปู่ก็ได้ไปอยู่ที่ที่มีความสุข จะไม่กลับมาเป็นทุกข์อีกแล้ว-- ชนะต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
ส่วนคนที่ทำชั่ว เขาจะด่าจะว่าเราแบบไหน เขาก็ต้องไปชดใช้กรรมของเขา ตามกรรมที่เขาได้สร้าง
… แต่หลวงปู่ท่านก็สบาย
ฉะนั้น ให้ลูกศิษย์ ญาติโยมทุกคน ที่มีศรัทธาต่อหลวงปู่ หรือจะมีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา...
ให้จงมั่นใจในการทำความดี
// เราทำความดี เราก็ได้ความดีอย่างแท้จริง
// เราทำความชั่ว เราก็ต้องชดใช้กรรมชั่วนั้น
ไม่ว่าจะเป็นกรรมแบบไหน จะเป็นเจตนาที่มากหรือน้อย จะระวังหรือไม่ระวัง จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจทำก็ตาม..
ถ้าเราได้ทำไปแล้ว ก็ต้องชดใช้
-- ฉะนั้นไม่ต้องไปสนใจผู้อื่นว่าเขาจะทำอะไร ให้สนใจตัวเองก็พอ --

https://youtu.be/kGqADVsMakU

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น