คาถารักษาไข้ป่าของหลวงปู่มั่น หลวงปู่เจี๊ยะได้บันทึกไว้
ท่านพระอาจารย์มั่นป่วยเป็นมาลาเรีย เรา(พระเจี๊ยะ,หลวงปู่เจี๊ยะ) เป็นพระคิลานุปัฏฐาก(พระผู้ดูแลพระที่อาพาธ)ประจำองค์ท่าน ปกตินิสัยท่านไม่ชอบเกี่ยวกับหยูกยาอะไร แม้ท่านจะอยู่ในวัยชราธาตุขันธ์กำลังร่วงโรยก็ตาม ท่านยังหนักหน่วงในธรรมโอสถ เป็นเครื่องประสานธาตุขันธ์อยู่ตลอดเวลา
ตามปกตินิสัยใจคอท่านพระอาจารย์มั่น เวลาท่านป่วยหนักคับขับทางธาตุขันธ์ร่างกายเข้าที่จนมุม ท่านมักคิดค้นด้วยสติปัญญาไม่ลดละ ในเวลาป่วย ท่านจะมีอุบายพิจารณาธรรมในขณะเดียวกัน ท่านถือว่า
“ทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นในกายเป็นเรื่องของสัจธรรมโดยตรง ต้องพิจารณาให้รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ได้ ไม่ปล่อยให้ทุกข์ย่ำยีเปล่าๆ เพื่อเป็นการฝึกซ้อมสติปัญญา ให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ว่าสติปัญญาที่เคยอบรมและซักซ้อมมาเป็นเวลานาน ขณะเข้าสู่สงครามคือความทุกข์ทรมาน ใจจะไม่มีความหวั่นเกรงต่อความจริง ไม่มีความสะท้านหวั่นไหวกับพายุ คือโทษทุกข์ที่เข้ามาทับถม เมื่อพิจารณาเท่าทันขันธ์ดังที่กล่าวมานี้ อยู่ก็สบาย ถึงตายก็มีชัยชนะ”
ในระหว่างที่อาพาธอยู่นั้น วันหนึ่งท่านพูดเปรยๆขึ้นว่า
“หยูกยารักษามาก็นานแล้วยาธรรมดาเหมือนชาวโลกเขาคงกินไม่ได้เรื่อง ต้องเอายาวิเศษคือธรรมโอสถ หากไม่หายก็ให้มันตายซะ ท่านจึงเจริญกายคยาสติกรรมฐานเป็นอนุโลมและปฏิโลมเพ่งแผดเผาภายใน เพื่อเป็นวิหารธรรมอยู่ทั้งวันทั้งคืน ไม่นานอาพาธก็สงบ จึงปรากฏบทคาถาขึ้นว่า
“ฌายี ตปติ อาทิจฺโจ” พิจารณาได้ความว่า “ฌาน แผดเผาเหมือนดวงอาทิตย์ ฉะนั้น”
ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ ที่มา: หนังสือหลวงปู่เจีียะ จุนโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง
เรียบเรียงโดย
เรียบเรียงโดย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น