วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ประโยชน์ของสมาธิ กับชีวิตประจำวัน


วัตถุประสงค์
๑.     เพื่อให้ผู้ศึกษาได้เห็นถึงประโยชน์ของสมาธิต่อการดำรงชีวิตประจำวัน
๒.     เพื่อให้ผู้ศึกษาได้เห็นตัวอย่างบุคคลที่นำเอาสมาธิมาใช้ในชีวิตประจำวัน
๓.     เพื่อให้ผู้ศึกษามีฉันทะในการทำสมาธิเพิ่มมากขึ้น
เนื้อหา

สมาธิ
สมาธิ เป็นคำนาม คำเรียก ที่มีความหมายถึงอาการและพฤติกรรมของความมีสติ มีความสงบ ภายในองค์ประกอบของความสบาย ฝึกฝนและปฏิบัติได้ทุกคนทุกเวลา
สมาธิ เป็นตัวเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติสามารถน้อมธรรมะในระดับต่าง ๆ เข้ามาประพฤติปฏิบัติได้เป็นลำดับไป ตั้งแต่ธรรมะของผู้ครองเรือน หรือ ฆราวาสธรรมจนกระทั่งถึงสมณธรรม โดยเริ่มต้นตั้งแต่การวางอารมณ์ให้สงบ สบาย คล้ายเราคือจุดศูนย์กลางของสรรพสิ่งรอบตัว
ฝึกวางใจ วางความรู้สึกลงไป ณ จุดศูนย์กลางกายของตนอย่างสบาย ๆ ด้วยการหายใจเข้าออกลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อสัมผัสจุดวกกลับของลมหายใจ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางกายของตน อันเป็นจุดที่รวมของสติสัมปชัญญะทั้งมวลของใจ และเป็นที่ตั้งของใจ หมั่นนึก หมั่นตรึก หมั่นทำความรู้สึก ถึงจุดศูนย์กลางกายบ่อย ๆ จนกลายเป็นเคยชิน
สมาธิ เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับการดำเนินและดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพศผู้ปรารภความสงบ หรือเพศที่ยังอยู่ในวิสัยของการครองเรือนÝ เพราะสมาธิจะเป็นสิ่งที่เข้าไปเพิ่มสมรรถนะของใจ ของความตั้งใจ พลังใจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความงดงามแห่งจิตใจ ให้กับดวงใจ หรือจิตสำนึกภายในของแต่ละบุคคลÝ

ประโยชน์ของสมาธิ
๑.   เป็นอิสรภาพภายในที่แท้จริง คือ สามารถละความรู้สึกจากความสับสนวุ่นวายภายนอกเข้าสู่ภายในได้ในทุกสภาพแวดล้อม อย่างง่าย ๆ ดูสบาย ๆ ไม่เครียดเกร็ง การกระทำเช่นนี้ทำให้สามารถîพักî หรือîหย่อนคลายใจîได้เป็นจังหวะ ๆ ไป แม้ไม่ได้หลับตา จึงทำให้สามารถทำงานได้มากกว่า ทนได้มากกว่า และเครียดน้อยกว่า
๒.     สามารถแยกแยะและมองเห็นความแตกต่างระหว่างหน้าที่ กับ ความรู้สึกยึดติดได้เป็นอย่างดีในเรื่องîของเขาî ìของเราî
๓.   ใจเย็นกว่า เผชิญสถานการณ์บีบคั้นได้มากกว่า สามารถปรับอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกติได้นานกว่า หรือคืนสู่ความเป็นปกติได้เร็วกว่า
๔.   สามารถเตือนตนได้ โดยเฉพาะในเรื่องของความน้อยเนื้อต่ำใจ ลดระดับความอิจฉาริษยา และความเคียดแค้นพยาบาทลงได้เรื่อย ๆ หากการปฏิบัติสมาธิยังคงกระทำอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้จะพัฒนาดีขึ้นเป็นลำดับ ถึงขั้นสามารถปรับจากความก้าวร้าวสู่ความนุ่มนวล อ่อนโยนได้
๕.   สามารถรับฟังความคิดเห็นติชมของคนอื่นได้เสมอÝ และสามารถนำส่วนดี ส่วนเหมาะสมมาปรับใช้ เป็นคนยอมรับผิด คือ ผิดได้ พร้อมแก้ไขเสมอ
๖.     มีความฉับไวและเฉียบคมในเรื่องของการงาน การตัดสินใจ มุมมอง ริเริ่ม สร้างสรรค์ ที่พัฒนาดีกว่าเดิมเรื่อยไป
๗.   มีความเข้าใจในเรื่องของวัฏสงสารและวงจรชีวิตที่สอดคล้องกับการกระทำÝ จึงทำให้เป็นคนไม่ประมาทÝ มีความเข้าใจในความเป็นไปรอบข้างอย่างตั้งมั่นในคุณธรรม ศีลธรรมและคุณงามความดี
๘.     เมื่อรู้ในหน้าที่จึงเป็นผู้มีความรับผิดชอบ ไม่เกี่ยงงอน ไม่เกี่ยงงาน ไม่ก้าวก่ายและไม่เบื่อหน่ายในการสร้างความดี ทำความดี
๙.     มักมีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนในวัยเดียวกัน ในสภาพแวดล้อมเหมือน ๆ กัน ทั้งนี้เพราะไม่เครียดÝ และเข้าใจในเรื่องของการฟูมฟักใจ
๑๐.สมาธิที่ทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างสุนทรีย์ มักส่งผลให้อารมณ์ดี มีความสดชื่น สดใส กระชุ่มกระชวย แก่ช้า น่าเข้าใกล้และเป็นที่รักของคนรอบข้าง
สมาธิ จำเป็นมากสำหรับชีวิตครอบครัวÝ ไม่ว่าจะเป็นบุตรธิดาÝ เป็นพ่อบ้าน หรือ แม่บ้าน ทั้งนี้เพราะต่างเป็นคนใกล้ชิดซึ่งกันและกันÝ จึงต่างเป็นผู้ส่งทอดและเป็นผู้รองรับอารมณ์ซึ่งกันและกันในทุกรูปแบบอยู่ตลอดเวลาÝ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาพักผ่อนÝ ในเวลาที่ต่างคนต่างต้องการความรัก ความเข้าใจและความสบายภายใต้หลังคาเรือนเดียวกัน ภายในเวลาเดียวกันÝÝÝ

ประโยชน์ของสมาธิกับชีวิตครอบครัว
๑.     ลดช่องว่างและความก้าวร้าวภายใน
๒.     มีความเข้าใจต่อคนรอบข้างได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
๓.     มีความอดทน และสามารถรอคอยเวลาที่เหมาะสมได้ดีกว่า
๔.     ส่งทอดและรองรับความรัก ความเมตตา ความเข้าใจได้ดี
๕.     เกิดบรรยากาศที่ดีขึ้นภายในครอบครัว
ปัญหาส่วนใหญ่ของสังคมเกิดจากครอบครัวÝ หากครอบครัวอบอุ่น เป็นตัวอย่างที่ดีของเมตตาธรรมÝ คุณธรรมและศีลธรรม ปัญหาของสังคมก็จะลดลงตามอัตราส่วนÝ จึงกล่าวได้ว่า
สมาธิ มีประโยชน์ต่อโลกและชาวโลกเป็นอย่างมากÝ ตราบใดที่คนส่วนใหญ่ของโลกและสังคม คือ ฆราวาสÝ เมื่อสมาธิสามารถจรรโลง ชักนำ ชี้ชวน ให้ฆราวาสเหล่านี้อยู่ในเส้นทางแห่งเมตตาธรรมและคุณธรรมได้Ý สมาธิ จึงได้ชื่อว่าเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้โลกสงบได้ÝÝ
สมาธิÝ จึงเป็นสิ่งที่ฆราวาสผู้ปรารถนาความสงบรุ่งเรืองในชีวิตไม่อาจมองข้ามÝ แต่กลับต้องให้ความสำคัญในการที่จะฝึกฝน ปฏิบัติ Ýเพราะสมาธิ คือ พื้นฐานของความรุ่งเรืองทั้งมวล

ตัวอย่างบุคคลผู้นำเอาสมาธิไปใช้ในการทำงาน และชีวิตประจำวัน
      ในปัจจุบันนักธุรกิจหลายท่านได้นำเอาสมาธิมาใช้ในชีวิต และก็ประสบผลอันน่าพึงพอใจจากการทำงาน และชีวิตประจำวัน ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง ดังนี้
คุณวิรพงษ์ สวนศิลป์พงศ์ ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทเพ็น เค อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้นำเอาสมาธิมาใช้กับการทำธุรกิจ ควบคู่กับชีวิตประจำวัน 
ìในปี ๒๕๑๘ ได้ร่วมกับพี่น้องเปิดบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายจักรเย็บผ้าและเครื่องรีดผ้าจากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ การเริ่มต้นดำเนินธุรกิจค่อนมีปัญหาเนื่องจากขาดแนวทางด้านการตลาดสินค้าที่สั่งเข้ามาขายไม่ได้ ทั้งๆที่มี่คุณภาพดีเยี่ยม บริษัทฯไม่มีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ จึงทำให้ต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นตลอดเวลาทั้งการกู้กับธนาคาร การกู้นอกระบบและการหยิบยืมจากญาติพี่น้อง และด้วยสาเหตุหลายประการดังกล่าวบริษัทฯจึงประสบกับการขาดทุนติดต่อกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๕ ปี ต่อมาบริษัทฯเริ่มมียอดขายสูงขึ้นเพราะสามารถนำเข้าไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าได้ ปัญหาต่างๆดูจะลดลงบริษัทฯน่าจะดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่นแต่ก็ต้องประสบปัญหาหนักอีกในปี ๒๕๒๔ เมื่อค่าใช้จ่ายสูงขึ้นแต่ยอดขายไม่เพิ่ม ทำให้กระแสการเงินติดขัด สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อพยายามเพิ่มยอดขายโดยการทำงานอย่างหนัก และประสบปัญหาหนักมากอีกครั้งในปี ๒๕๒๘ เมื่อรัฐบาลประกาศลดค่าเงินบาท เพราะทำให้บริษัทฯขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนทันทีหลายล้านบาทî
จากประสบการณ์ธุรกิจดังกล่าว ทำให้คุณวิรพงษ์ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรคือสิ่งกำหนดความสำเร็จความความล้มเหลวในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ และจึงเริ่มศึกษาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรมะอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาทุกๆวัน โดยจะหาเวลานั่งสมาธิทั้งในรอบเช้าและเย็น รอบละประมาณ ๓๐-๔๕ นาที
         หลังจากฝึกสมาธิ คุณวิรพงษ์ได้พบกับประสบการณ์ที่ดีมากขึ้น ทั้งในด้านธุรกิจ และชีวิตครอบครัว คุณวิรพงษ์ได้กล่าวว่า ตนเองมีอารมณ์มั่นคงขึ้น อาการฉุนเฉียวและดุด่าว่ากล่าวผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมีอารมณ์น้อยลง รู้จักยับยั้งช่างใจก่อนโต้ตอบสิ่งที่ไม่สบอารมณ์ และการมีปากเสียงกันในครอบครัวน้อยลงจนเกือบไม่มีเลย นอกจากนี้ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น การนั่งสมาธิทำให้ใจว่าง ขบวนใช้ความคิดในการบริหารงานจะทำได้อย่างมีระบบเป็นขั้นตอน ความจำดีขึ้นไม่หลงลืม มีความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้น ทำให้ตน มีความเมตตา และทำให้มีจิตใจอ่อนโยนไม่หยาบกระด้าง รู้จักรับฟังข้อคิดเห็นและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สร้างความเชื่อถือและทำให้การติชมมีผลต่อการเปลี่ยนพฤติกรรมของใต้บังคับบัญชามากขึ้น ด้านครอบครัวมีความเห็นอกเห็นใจคนในบ้านมากขึ้นให้อภัยและสามารถปรับตัวเองได้เพื่อรักษาบรรยากาศในบ้านให้ดีอยู่ตลอดเวลา

คุณสุจินตนา ชูชัยศรี ปัจจุบันเป็นผู้จัดการ บริษัทซื้อฮะฮวด ธุรกิจค้าไม้ เป็นผู้ที่ฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ เชียงใหม่ และได้พบกับความสุขภายใน หลังจากนั้นก็ได้ฝึกสมาธิมาอย่างต่อเนื่อง และพบว่าธุรกิจของตนเองดีขึ้นอย่างถนัดตา คุณสุจินตนา กล่าวว่า
ในปี ๒๕๔๐ ได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่ ขึ้นไปปฏิบัติธรรมครั้งแรกไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่ามาเที่ยวเมืองนอก ๗ วัน เพราะอากาศที่นี่เย็นสบายดี พอได้เห็นเขานั่งสมาธิกัน อยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี ก็เลยทดลองนั่งหลับตาไปกับเขาด้วย แล้วก็เข้าถึงธรรมได้ ได้สัมผัสกับความสุขที่มันหลั่งออกมาจากศูนย์กลางกายตลอดเวลา เป็นความสุขที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
พอลงมาจากพนาวัฒน์ สิ่งแรกที่คิดคือ คิดอยากให้คนทั้งโลกมานั่งสมาธิเหมือนเรา แล้วอยากให้มีความสุขเหมือนอย่างที่เรานั่ง จากนั้นมาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน จากไม่เคยไปวัด ก็จะไปวัดตลอด แล้วก็นั่งสมาธิทุกวันไม่ขาดเลย แล้วเราก็ทำบุญมาตลอดต่อเนื่อง ผลจากการนั่งสมาธิและทำบุญมาโดยตลอด ไม่น่าเชื่อว่า ธุรกิจค้ากรอบประตูหน้าต่างไม้ จากเดิมที่เป็นธุรกิจเล็กๆÝ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย ตอนมาเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็มาในฐานะของลูกสะใภ้ เราจะทำอะไรเต็มกำลังก็ไม่ได้ ช่วงแรกๆ ก็เรียนรู้งานไปก่อน
พอมาถึงยุคที่คุณพ่อสามีปล่อยให้เราบริหารงานเองอย่างเต็มที่ การเติบโตมันจะเป็นแบบก้าวกระโดด เป็นกราฟที่ไม่ใช่ค่อยๆ ไต่ขึ้นนะค่ะ แต่มันโตแบบพุ่งพรวด เป็นกราฟที่ตั้งชัน ชนิดที่เราเองก็ยังงง สมัยก่อนที่คุณพ่อ บริหารอยู่ ธุรกิจทำรายได้แค่เดือนละไม่กี่แสนบาท เวลาสั่งไม้จะสั่งทีละแค่คันรถสิบล้อ แต่พอมาถึงรุ่นเรา สั่งไม้เข้ามาเดือนละ ๑๐๐ ตู้คอนเทนเนอร์ เลยมองย้อนกลับไปว่า เอ๊ะ...มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา คนงานก็เท่าเดิม โรงงานก็โรงงานเดิม แล้วก็ไม่มีใครมาช่วยงานเราเพิ่มเลย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณจินตนาได้กล่าวว่า ความสำเร็จทุกอย่างที่เกิดกับคุณจินตนานั้น เป็นผลจากการที่นั่งสมาธิมาอย่างตลอดต่อเนื่อง โดยมีพนาวัฒน์ เป็นจุดเริ่มต้นที่

        คุณธนัญชัย ไชยสระแก้ว เป็นผู้หนึ่งที่ได้เอาสมาธิมาใช้ทั้งในสมัยที่ยังเรียนหนังสือ และได้เอามาใช้ในชีวิตการทำงาน คุณธนัญชัยได้กล่าวว่า
สำหรับช่วงเรียนปริญญาโทหลังการฝึกสมาธินั้นรู้สึกว่าการจำง่ายกว่าเดิมมาก การคิดอย่างมีระบบทำให้เรียนได้ A ทุกวิชา จบมาได้ First Class Honorî
ช่วงที่ทำงานวิศวกรนั้นต้องทำงานโครงการที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในงบประมาณที่ถูกกำหนด เป็นอาชีพที่รับผิดชอบต่อความมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานทุกคน ผมนั่งสมาธิทุกเช้า ๓๐-๖๐ นาที การกำหนดใจไว้ที่กลางท้องทำให้เกิดการลำดับความสำคัญของงานก่อนหลังทำให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งที่ผมได้เปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆก็คือ ใจเย็นและอดทน ในสถานการณ์ที่ถูกกดดัน เช่น การเคลียร์ปัญหาระหว่างผู้รับเหมางานที่มีปัญหา การชี้แจงปัญหาเทคนิคกับลูกค้า การเจรจาข้อสัญญากับsupplierเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมักใช้อารมณ์
   คุณธนัญชัยได้เผยเคล็ดลับที่สมาธิทำให้ตนเองได้รับผลดีในการทำงาน และทำให้รอดพ้นจากปัญหาหลายประการ ว่า
ìมีความรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากการฝึกสมาธิหลังจากลาสิกขา เช่น ทำให้ใจเย็น ไม่เหม่อลอย คิดเป็นระบบ การจำดีขึ้นมาก มีความรอบคอบ ช่างสังเกตขึ้น มีคุณธรรม ควบคุมอารมณ์ดีขึ้น ตั้งแต่เริ่มทำงานมานั้นได้ทำงานทางวิศวกรรมมาหลายอย่างส่วนใหญ่เป็นงานที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย เช่น การทำการประมูลแบบInternational Bidding มูลค่าหลายพันล้านบาทที่จะต้องมีความลับในการทำงานมาก การใช้สมาธิจำเป็นอย่างมากเนื่องจากรายละเอียดมีมากหลายสิบเล่มจะต้องตอบคำถามผู้บริหารให้ได้ การนำใจไว้ในท้องขณะประชุมตลอดเวลาทำให้มีคำตอบมาทันทีและใคร่ครวญคำตอบก่อนที่จะตอบ การรับผิดชอบบริหารงานโครงการมูลค่าหลายร้อยล้านบาทที่ทางประธานบริษัทเรียกให้ไปรับงานที่สำคัญมากงานหนึ่งของโครงการโรงไฟฟ้าบ่อวินเพาเวอร์ คืองานเดินท่อก๊าชธรรมชาติยาว ๔ กม. ในช่วงเวลาที่งานท่อก๊าซจะนะกำลังดัง ประธานบริษัทฯบอกว่าถ้างานนี้ไม่เสร็จตามที่กำหนดทางผู้สนับสนุนการเงินจะยึดเงินคืน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ช่วงนั้นผมทำสมาธิมากวันละ ๒ ชั่วโมงและตรึกนึกถึงความนิ่งในท้องตลอดวัน ทุกครั้งที่มีปัญหาการก่อสร้างผมจะไปทำสมาธินานๆและจะแก้ปัญหาได้ทุกครั้งไป ผมไปดูงานที่บ่อวินทุกวัน ดีที่ว่ามีคนขับรถให้ทำให้ทำสมาธิช่วงนั่งรถได้ดี เป็นการเตรียมตัวก่อนทำงานได้ดีมากทำให้ลำดับความสำคัญของงานแต่ละวัน ทำให้รู้ว่าจะทำอย่างไรก่อน-หลัง ทำให้ทำงานมีประสิทธิภาพ การคิดให้เป็นระบบนั้นทำให้การทำงานได้ง่ายขึ้น การมีบุคลิกใจเย็น ใจกว้าง ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมงาน ทำให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานและเจ้านายเป็นคนต่างชาติ
จากที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ถึงตัวอย่างของบุคคล ที่สามารถนำเอามาสมาธิไปใช้ในชีวิตประจำวัน และได้รับผลแห่งการปฏิบัติธรรม เป็นความสุขและความสำเร็จในชีวิตและการงาน

ตัวอย่างผู้ประสบความสำเร็จในการศึกษาด้วยสมาธิ
ในยุคปัจจุบันมีนักเรียน นิสิต นักศึกษาหลายท่านได้เห็นคุณค่าของการทำสมาธิ และได้นำเอาสมาธิไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาผลการเรียน และผลที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิก็ได้ส่งผลที่น่าพอใจ ดังมีตัวอย่างของนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ประสบความสำเร็จด้วยสมาธิ ดังต่อไปนี้
ดร.สุวัฒน์ อธิชนากร ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ จาก Stanford University และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์เป็นผู้พบเคล็ดลับแห่งความสำเร็จในการศึกษาด้วยสมาธิ ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยสามารถสอบได้เกรด ๔.๐๐ ถึง ๓ เทอม และได้นำสมาธิมาใช้ต่อในการศึกษาระดับปริญญาตรี จนได้รับเกียรตินิยม ในการศึกษาที่ The Pennsylvania State University ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม
อาจารย์สุวัฒน์ได้เล่าว่า
แต่เดิมเป็นนักเรียนจากต่างจังหวัด และได้ย้ายเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ โดยสามารถสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ ในช่วงแรกที่เข้าเรียนนั้น เกรดอยู่ในระดับปานกลาง สอบได้ในระดับที่ ๒๐ กว่าๆ แต่พอได้มาวัดพระธรรมกาย และได้หันมาฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่อง เกรดก็ดีขึ้นจากเดิม คือ จากเกรด ๓ กว่าๆ ขยับขึ้นมาเป็น ๔.๐๐ ในช่วงนั้นอาจารย์ที่โรงเรียนได้ทราบว่ามาวัดและฝึกสมาธิ จึงได้ให้แนะนำการทำสมาธิให้กับรุ่นน้องที่โรงเรียนด้วย
หลังจากที่จบการศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแล้ว อาจารย์ก็ได้สอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศและเข้าศึกษาที่ The Pennsylvania State University ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงนี้อาจารย์ก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องการฝึกสมาธิ แม้ว่าการเรียนจะยากและหนักขึ้น
 อาจารย์ได้เล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อได้นำเอาสมาธิไปใช้ว่า ìสมาธิทำให้เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ เช่น การเรียน ก็ทำให้ผมเรียนอย่างมีความสุข คือเมื่อมีความสุขแล้ว ก็ทำให้เราอยากเรียน เมื่ออยากเรียนก็จะทำให้เรียนได้ดี ซึ่งถ้าสังเกตจากตัวเอง วันที่เราฝึกสมาธิ วันนั้น เราจะรู้สึกใจมันเบาๆ ไม่มีเรื่องเครียด เรื่องกังวล ใจมันจะสบาย ไม่รู้สึกเบื่อต่ออะไร เวลาเข้าไปนั่งเรียนใจมันว่างๆ พร้อมที่จะรับสิ่งที่อาจารย์สอน เมื่อใจมันพร้อม อาจารย์สอน เราก็จะเข้าใจî
นอกจากนี้อาจารย์ยังได้แนะนำเทคนิคการเอาสมาธิไปใช้ในการเรียน ว่า
ในเรื่องของสมาธิกับการเรียนนี่สำคัญ ถ้าเราเข้าห้องเรียน แล้วมีสมาธิเพื่อที่จะเรียนตั้งแต่ ๕ นาทีแรก ก็จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ซึ่งเป็นผลทำให้สามารถเข้าใจเนื้อหาต่อๆ ไปได้ และถ้าเราเข้าใจ ก็จะมีความสุข สนุกกับการเรียน ..เรียนแล้วไม่เบื่อ เรียนไปด้วยความอยากรู้ แล้วก็เรียนจนประสบความสำเร็จในที่สุดî
การประสบความสำเร็จด้านการเรียนในระดับสูง โดยเฉพาะสาขาวิชาที่ยากด้วยแล้ว เราคงอาศัยความฟลุคไม่ได้ เราต้องอาศัยความรู้พื้นฐานที่แน่นพอ และความสุขในการอยากเรียนด้วย ซึ่งบางคนเรียนจบก็จริง แต่ตลอดชีวิตการเรียนนั้น สั่งสมความเครียดแทนที่ความสุขมาตลอด หรือเรียนเพียงเพื่อให้จบเท่านั้นเอง
ดร.สุวัฒน์ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเรียนให้ได้ดี แม้ในสาขาวิชาที่ยากเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ โดยใช้หลักก็คือการทำสมาธิที่จะทำให้มีความสุขควบคู่ไปกับการเรียน ทำให้สามารถก้าวมาสู่ความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้

ชุติพร บุญชู  เป็นอีกคนหนึ่งที่นำเอาสมาธิมาใช้ในการเรียน ชุติพร เรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเรียนด้วยเกรด ๓.๙๓ ในขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕โดยที่ไม่ได้อาศัยการเรียนพิเศษในที่ใดๆ นอกจากนั้นยังเป็นนักกิจกรรม ได้ทำกิจกรรมของโรงเรียน และได้มาเป็นอาสาสมัครของวัดพระธรรมกายควบคู่ไปด้วย ชุติพรได้เล่าถึงประสบการณ์ที่นำมาสู่ความสำเร็จว่า
ในช่วงแรกที่เข้าไปเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เกรดยังไม่ค่อยดีนัก และช่วงนั้นก็ไม่ค่อยได้มาวัด และนั่งสมาธิ แต่ในช่วงปิดเทอมของ ม. ๔ ได้มีโอกาสไปนั่งสมาธิที่สวนพนาวัฒน์ จ.เชียงใหม่ ตอนนั้นนั่งได้ดี ใจสงบ มีความสุขในการทำสมาธิ ใจหยุดนิ่ง ไม่ได้คิดอะไร พอวางใจเฉยๆ ไม่คิดอะไร ใจจะหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ก็จะเห็นดวงแก้วหลายดวง พอมองเข้าไป ก็เห็นคนที่หน้าตาเหมือนตัวเอง แต่สวยกว่ามาก ใส่เสื้อผ้าเนียนแนบตัวกว่า พอหยุดนิ่งอีกก็เห็นดวงแก้ว ๖ ดวง และก็เห็นกายที่มีเครื่องประดับสวยงามมาก พอหยุดต่อไป ก็พบดวงแก้ว และเห็นกายต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงองค์พระ ตอนนั้นมีความสุขมากไม่อยากจะทำอะไรเลย เลยทำให้เธอชอบการนั่งสมาธิ และนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ ชุติพร นำเอาสมาธิมาใช้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น ทำให้เธอพบการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับการอ่านหนังสือของเธอÝ เธอเล่าให้ฟังว่า
ìการที่เรานั่งสมาธิบ่อยๆ สิ่งนี้มันทำให้ใจเราคุ้นกับการหยุดนิ่งจนเป็นนิสัย ดังนั้นพออ่านหนังสือ ใจจะไม่แวบไปไหนง่ายๆ เพราะใจที่มีสมาธิ จะทำให้เราอ่านหนังสือได้เรื่อยๆ อ่านได้นานมาก และเหมือนเราจะจำสิ่งที่อ่านได้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับให้จำ ผิดกับเมื่อก่อน พออ่านได้แป๊ปหนึ่ง ก็จะอยากไปกินขนม ดูทีวี อยากไปทำโน่น ทำนี่ พอไป เราก็จะหายไปเป็นชั่วโมง พอกลับมานั่งโต๊ะอ่านหนังสือใหม่ ก็จะจำเรื่องที่อ่านไม่ค่อยได้ ต้องอ่านถึง ๒-๓ รอบ เพราะใจเรามันแวบไป แวบมาตลอด สมาธิไม่ค่อยมี ก็จะทำให้จำไม่ค่อยได้î
แม้ว่าต้องทำทั้งกิจกรรมของโรงเรียน และทางวัด ประกอบกับการเรียนที่หนัก แต่ชุติพร ก็ไม่ละทิ้งการนั่งสมาธิ เธอจะใช้ช่วงเวลาที่นั่งรถตู้ จากบ้านไปโรงเรียน ๑ ชั่วโมง ทำสมาธิ เธอบอกว่า สมาธิสามารถทำได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา เมื่อนั่งสมาธิบนรถทุกวัน ทั้งไปและกลับ ก็ได้ ๒ ชั่วโมง และพอกลับมาบ้าน ก่อนอ่านหนังสือ หรือก่อนนอน ก็จะนั่งสมาธิด้วย
นอกจากนี้ ชุติพรยังได้เล่าถึงผลที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิของเธอว่า
ìที่เห็นชัดเลย ก็ด้านอุปนิสัย เล็กจะใจเย็นขึ้น สังเกตได้จาก ก่อนจะพูดอะไร เล็กคิดมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนเราพูดไม่ทันคิด ก็เผลอไปทำให้เพื่อนโกรธ แต่เดี๋ยวนี้เรามีสติมากในการคิดก่อนพูดî
จากตัวอย่างนี้ทำให้เห็นว่า ชุติพรสามารถเรียนเก่งได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร โดยไม่ต้องอาศัยการเรียนพิเศษใดๆ แถมยังมีเวลาทุ่มเททำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความปรารถนาในวัยเรียนของคนส่วนใหญ่ ที่ไม่ใช่ว่าใครๆ จะสามารถทำได้ครบทุกสิ่งไป ซึ่งถ้าหากอยากจะทำได้ ก็ต้องนำธรรมะ และการฝึกสมาธิ ไปใช้อย่างจริงจังกับตัวเองนั่นเอง

     ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนจากกลุ่มบุคคลที่ได้ของสมาธิไปใช้ เพราะสมาธิมีผลดีจริง มีประโยชน์จริง หากผู้นั้นได้นำไปปฏิบัติจริงๆ
     การนั่งสมาธิไปใช้ให้ได้ผลดี จึงควรตั้งใจฝึกอย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือน การเอาไม้สีไฟ ต้องสีซ้ำๆ ถ้าหากเลิกเสียกลางคันไฟนั้นก็จะไม่ติด สมาธิก็เช่นเดียวกันจะก่อให้เกิดผลดีจริงได้ ก็ต้องหมั่นฝึกฝนและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง


ที่มา  http://dou_beta.tripod.com/MD101_06_th.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น