วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ธรรมะเปิดโลก ตอนที่ ท่านรออะไรอยู่


ธรรมะเปิดโลก วันที่ 29 เมษายน 2558
ตอนที่ 12 **ท่านรออะไรอยู่**

ในเช้าของวันนี้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น พระองค์ท่านได้ทรงเมตตาแสดงธรรมกลับมา กับพวกเราทั้งหลาย ดังนี้ 
- - - -
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การเวียนวน เวียนว่ายตายเกิด วนไปในวัฏสงสาร อย่างไม่รู้จักจบสิ้นนั้น.. 
ท้ายที่สุดแล้ว สรรพสิ่งทั้งหลาย ได้แต่ความว่างเปล่าเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย-- นอกจาก*ความว่างเปล่า* 
แล้วลูกรออะไรอยู่...
รอไปวันๆ.. รอไปชาติแล้วชาติเล่า 
ลูกรออะไรอยู่หรือ สิ่งใดหรือลูกเอ๋ย..ที่เป็นสิ่งที่ลูกนั้นรอ เพื่อมัน.. เพื่อได้มันมา.. เพราะมัน
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การอยู่ในวัฏสงสารนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใด ในสถานที่ใด ที่ตรงไหนของวัฏสงสาร ย่อมมีแต่ความทุกข์ แล้วลูกจะรออะไรอยู่หรือ.. 
-- ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเลย แม้สักสิ่งสักอย่าง นอกจากความทุกข์ที่เรา ทุกข์ไปวันๆ--
สิ่งที่เราทำไปทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ไม่มีอะไรเป็นของเรา 
สิ่งที่เราแสวงหามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย 
สิ่งที่เราใช้ความอดทนมาก กว่าจะได้มาครอบครอง
ในที่สุดสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ก็ไม่ใช่ของเรา...ร่างกายนี้ที่เราหลงอยู่ว่าเป็นตัวตนของเรา 
ในที่สุด เขาก็ต้องคืนสู่ /กลับสู่ธรรมชาติไป 
-- แล้วลูกวนเวียนไปเพื่ออะไรหรือ ยังรออะไรอยู่ --
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ไม่มีอะไรเลยสักสิ่งสักอย่าง ที่จะมีอยู่ให้ลูกนั้นรอ จงรู้ตามความเป็นจริงเถิดว่า 
สิ่งที่เรายังเดินต่อไปนี้ เพราะว่าเราหลงอยู่ 
สิ่งที่เรายังเดินต่อไปนี้ เพราะว่าเราไม่รู้ตามความเป็นจริง 
สิ่งที่เรายังไม่หยุดตนเอง
เพราะว่าเรายังไม่เข้าใจตามความเป็นจริง
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. จงฟังเถิดลูก
สรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้ มีตั้งขึ้นอยู่และดับไป 
ไม่ว่าลูกนั้นจะเกิดเป็นใครก็ตาม ย่อมมีเวลาของการดับไป 
ไม่ว่าลูกนั้นจะมีอะไรเยอะแยะมากมาย เพียงใดก็ตาม สรรพสิ่งนั้นมีกาลเวลาดับไป
ท้ายที่สุด เราต้องเดินทางไปเรื่อยๆ แสวงหาไปเรื่อยๆ ความสุข ความทุกข์ ทั้งหลายเข้ามา แล้วก็ผ่านไป 
แล้วเราก็เดินต่อไป
ชีวิตการเดินทางในวัฏสงสารนี้ ช่างยาวไกลนัก ไม่มีที่สิ้นสุด -- แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย 
ความเหน็ดเหนื่อย ความทุกข์ยาก ลำบาก ดิ้นรนขวนขวาย ที่เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้...
- เพื่อให้เราได้กิน 
- เพื่อให้เราได้ดื่ม 
- เพื่อให้เรามีครบทุกสิ่งทุกอย่าง 
- เพื่อให้เราสุขสบาย อยู่บนกองทรัพย์สินเงินทอง 
- เพื่อให้มีคนรักเรามากๆ
สิ่งต่างๆทั้งหลายเหล่านี้ เราทำเพื่อเขา... 
แต่แท้ที่จริงแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่เราคิดเองทั้งนั้นเลย
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ อาจจะให้ความสุขกับเราบ้าง แต่ถ้าเทียบกับความทุกข์แล้ว มันไม่คุ้มกันเลย.. 
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เขาผ่านเข้ามาเพียงชั่วครู่ แล้วก็ผ่านไป... 
เราต้องเจ็บปวด ทุกข์ทรมานกับสิ่งเหล่านี้ ร้อยเท่าทวีคูณกับความสุขที่เราได้รับมา
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. จึงไม่คุ้มอะไรเลย เพราะเขาไม่อาจเป็นของเราได้ และเราก็ไม่อาจจะยื้อเขาไว้เป็นของเราได้เลย 
สรรพสิ่งทั้งหลายเป็นแต่เพียงสิ่งสมมุติขึ้นมาทั้งนั้น
ไม่ว่าเราจะหยุด /จะสั่ง ให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ ตามใจเรานั้นก็ไม่ได้ เพราะเขาเป็นสิ่งสมมุติ... 
หมดสมมุติว่าเป็นของเรา เขาก็ต้องเดินต่อไป
แม้แต่ร่างกายที่เรียกว่า “เรา” นี้ ก็เช่นเดียวกัน จิตผู้น่าสงสาร เมื่อครั้งออกจากกายไปแล้ว ก็ต้องเดินทางต่อ..
ไปแสวงหากายใหม่อยู่ ตามกำลังของตน ตามบุญของตน ตามบาปของตน
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. แม้จิตดวงนั้นจะสร้างความดีไว้บ้าง ไปเกิดอยู่ในโลกสวรรค์ 
อาจจะอยู่ 100 ปี 200 ปี หรือจะเป็นพันปีก็ตาม
แต่ท้ายที่สุด กาลเวลาก็จะหมุนเวียน จนไปถึงในช่วงเวลาที่เราต้องกลับมาเกิดอยู่ดี 
และโลกสวรรค์นั้น ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำของจิตแต่ละดวง
ไปเกิดเป็นเทวดา เทพบุตรที่มีตำแหน่งใหญ่ ก็ต้องมีหน้าที่ตามตำแหน่งของตนที่ต้องทำ 
การมีหน้าที่นั้น แสดงถึงความตกเป็นทาส ที่เรายังต้องเป็นทาส ของหน้าที่นั้นอยู่เสมอ 
แม้เราจะปรารถนาที่จะทำ หรือไม่ปรารถนาที่จะทำ เราก็ต้องทำเพราะเขา เป็นนายของเรา
ถึงแม้ว่าเราจะเกิดเป็นเทวดาผู้น้อย ก็จะมีหน้าที่แห่งตนที่จะต้องทำอยู่เช่นนั้น และสวรรค์ ก็ยังมีความรัก มีความโลภ มีความโกรธ มีความลุ่มหลงอยู่
สวรรค์ แม้จะเป็นโลกที่สวยงาม มีอายุขัยที่ยืนยาวตามกำลังบุญของตน และยืนยาวมากกว่าโลกมนุษย์ 
แม้จะมีความเป็นทิพย์ ไม่แก่ ไม่เจ็บ
แม้จะเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงแท้เลย
เมื่อกำลังบุญแห่งตน หมดสิ้นลงแล้ว ต้องกลับมาเกิดใหม่ สร้างสมบุญใหม่ และการเกิดนั้น.. ย่อมเป็นทุกข์
เมื่อเรามาเกิดแล้ว เราก็ได้พลัดพรากจากเวียงวังที่สวยงาม ร่างกาย เรือนร่างที่สวยงามของเทพเทวดา เทพบุตรเหล่านั้น เราต้องมาเกิด และการพลัดพรากนั้นก็คือ ความทุกข์
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ท้ายที่สุด ถึงแม้จะเป็นเทวดา เทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นใด ชั้นหนึ่ง อยู่ในตำแหน่งใหญ่ หรือตำแหน่งที่เล็กก็ตาม 
... ท้ายที่สุด เราก็เอาอะไรไว้เป็นของตนไม่ได้อยู่ดี --ต้องปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกรรมอยู่ดี
และการมาเกิดอยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าจะเกิดเป็นคน ในชนชั้นระดับใด ต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำตามกำลัง 
ตามสติปัญญา ฐานะของตน 
เกิดเป็นคนรวย คนจน 
เกิดเป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต หรือเป็นผู้น้อย ก็มีหน้าที่แห่งตน 
นักธุรกิจ มีหน้าที่ต้องค้าขาย ทำธุรกิจแห่งตน 
เกิดเป็นคนยากจน ก็ต้องมีหน้าที่ทำไร่ ทำนา ปลูกข้าวอยู่ดี
และหน้าที่ก็ย่อมเป็นทุกข์ เพราะเราตกเป็นทาสของมัน 
ถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งใด ในรูปแบบไหน-- ท้ายที่สุด เราก็ต้องทุกข์อยู่ดี 
และการเกิดมาเป็นมนุษย์นี้ ก็ยังเสี่ยงกับการลุ่มหลงของตัวเราอีกด้วย
หากเราไม่ถอดถอนความลุ่มหลง ยึดถือ ยึดมั่นในสิ่งต่างๆ ยึดตัวตน ยึดของของตน 
ลุ่มหลงในตำแหน่งหน้าที่การงาน ในลาภยศ สรรเสริญ เราก็ยังคงต้องจมอยู่ และตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้น จนอาจสร้างกรรม 
- กรรมที่เบียดเบียนต่อผู้อื่นบ้าง 
- กรรมที่เป็นกรรมชั่วบ้าง
เมื่อครั้งหมดเวลาดับไป ตายไป ก็กลับไปเกิดอยู่ในโลกของนรก อาจต้องไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย โดนขังอยู่ในนรกมืด นรกเย็น อยู่ในสถานที่ที่ถูกทรมานต่างๆ จนกว่าจะหมดกรรม
เมื่อครั้งหมดกรรมแล้ว จึงได้ส่งมาเกิดตามผลบุญแห่งตน และเศษกรรมที่ตนต้องชดใช้ 
หากกลับมาเกิด เป็นเป็ด เป็นไก่ เป็นสุนัข เป็นปลา เป็นนก หรือจะเป็นหนู ต่างก็จะมีหน้าที่แห่งตน 
ตามความสามารถ ตามกำลังของตน
นกก็ยังต้องคาบกิ่งหญ้า กิ่งไม้เล็กๆ มาสร้างรังให้แก่ตนอยู่ 
เมื่อไข่ออกมา ต้องดูแลลูกของตน จนกว่าจะบินได้
เกิดเป็นเป็ด เป็นไก่ เป็นหมู เป็นสุนัข เป็นช้าง เป็นควาย เป็นวัว... 
จะเป็นอะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่แห่งตนที่ต้องทำ
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การเกิดเป็นสัตว์นั้น ก็เป็นทุกข์ เพราะไม่พ้นจากหน้าที่ 
และสิ่งที่ถูกครอบเอาไว้ คือ ร่างกายนั้นๆ ตามสภาวธรรมของกายนั้นที่เราครอบครอง
เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ทุกข์อีก 
ถ้าไม่หลง สร้างความดี ก็อาจจะไปเกิดในสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่ง หรืออาจไปเกิดในโลกของพญานาค 
แต่เมื่อเวลาหมด ก็วนกลับมาใหม่อยู่ดี
เกิดมาเป็นอะไรก็ตาม อยู่ในมุมใดของวัฏสงสารนี้ก็ตาม ทุกข์ทั้งนั้นเลย
แม้แต่ดับจากกายไปแล้ว -- หากไม่ได้สั่งสมบุญบารมี ไม่ได้ทำความดีเอาไว้ 
แต่ก็ไม่ได้สร้างกรรมกับใคร เป็นแต่เพียงคนที่เห็นแก่ตัว ทำอะไรทำแต่ของตัว ขี้เหนียว ไม่ยอมช่วยเหลือใครเลย 
เมื่อครั้งตายไป ก็ยังต้องเป็นสัมภเวสี ไม่มีกินมีใช้ รอรอบการเกิด 
เป็นสัมภเวสี จิตวิญญาณที่เร่ร่อน อยู่ในมิติต่างๆ ในภูมิต่างๆ เพื่อรอการเกิด รอบุญจากผู้อื่น เป็นเช่นนั้น
การวนไปอยู่ในโลกของจิต...
รอรอบเกิดนั้นก็เป็นทุกข์ 
การเกิดเป็นเทพบุตร เทวดา ก็เป็นทุกข์ 
เกิดเป็นกินรี หรือกินนรนั้น ก็เป็นทุกข์
เพราะทุกที่--
มีหน้าที่ 
มีความต้องการ /ไม่ต้องการ 
มีความไม่เที่ยงแท้ ตั้งขึ้นอยู่ และดับไป 
มีความพลัดพรากจากกันในที่สุด
* สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจึงเป็นทุกข์*
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. วนขึ้นไป วนลงมา วนลงไป วนกลับขึ้นมา วนไปตรงไหน ก็มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้นเลย...
รออะไรอยู่หรือลูก รออะไร รอสิ่งใดหรือ มีอะไรที่เราจะต้องรออยู่อีกหรือ
จากนี้ไปหากลูกนั้น เห็นแจ้ง เห็นชัด ในการเวียนวนแล้ว
> จงปล่อยวางเถิด ถอดถอนความลุ่มหลง เพื่อจะได้ไม่เบียดเบียนต่อผู้อื่น และตนเอง 
> ถอดถอนความลุ่มหลง ที่หลงอยู่กับสรรพสิ่ง ยึดติด ยึดมั่น ถือมั่น 
> ถอดถอนสิ่งทั้งหลาย ที่เป็นตัวตน เป็นของของตน
ปล่อยวาง ว่างเสียเถิด อยู่อย่างไม่อยู่ มีอย่างไม่มี 
ทำตามเหตุ ตามกำลังที่มีอยู่ 
อย่าดิ้นรนขวนขวาย จนเกินความพอดี
อย่าเบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง
จงเอาเวลาที่มีอยู่ สร้างความดี > เพื่อตนนั้นจะได้ออกไปจากกองทุกข์ ในวัฏสงสารนี้เถิด 
เพื่อจิตแห่งตนนั้นจะได้เป็นอิสระ หลุดจากการตกเป็นทาสของวัฏสงสารนี้เถิด
จากนี้ไป ละเลิกการเบียดเบียน การฆ่า การทำให้ผู้อื่นทุกข์กาย ทุกข์ใจ 
ละเลิกการฆ่า ฆ่าทั้งกายของเขา และทั้งการฆ่า จิตใจของเขา คือ ทำให้เขาเป็นทุกข์
จากนี้ไป ให้ละต่อการทำชั่ว ทั้งหลายทั้งปวง คือ การที่จะเบียดเบียน ซึ่งทำให้ผู้อื่นนั้นเป็นทุกข์ 
สร้างแต่ความดี ประพฤติดี ประพฤติชอบ ประพฤติแต่สิ่งที่ถูกต้อง เพื่อสั่งสมบุญแห่งตนเถิด
เวลาเหลือไม่มากหรอก ลูกเอ๋ย...
การเกิดมาครั้งหนึ่ง มีชีวิตอยู่ไม่กี่ปี ก็จะต้องตายจากโลกนี้แล้ว 
ถ้าตาย ถ้าดับไป จิตจะไปไหนหรือ... 
สร้างความดีเถิดลูก เพื่อสั่งสม และต่อบุญไป > จนกว่าจะเข้าถึงความพ้นทุกข์
อย่ามัวแต่ยึดติด ลุ่มหลงจมอยู่กับโลกใบนี้เลย 
เขาคือ สถานที่ที่ทำร้าย ทำลายเรา ทำโทษเรา 
เขาคือ ที่ที่ทำให้เราต้องดิ้นรน เร่าร้อน ขวนขวาย เป็นทุกข์ และทำให้เรานั้น ต้องตกเป็นทาสของเขา
จงถอดถอนความลุ่มหลงในเขาเถิด เพื่อเรานี้จะได้ไม่เป็นทาสของเขาอีกต่อไป..
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. จงเข้มแข็งในการทำความดีเถิด เพราะสิ่งเหล่านี้ที่หลอกเราให้อ่อนแอในการทำดี คือ สิ่งจอมปลอมทั้งนั้น จึงไม่ควรแก่การที่จะให้คุณค่าแก่เขา ลุ่มหลงอยู่กับเขา
จงพาจิตแห่งตน ออกไปจากวัฏสงสารนี้เถิด อย่ามัวรออยู่เลย รอไปก็ไม่ได้อะไรหรอก 
รอไปก็มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น
จากนี้ไปให้ประพฤติดี ปฏิบัติดี รักษาศีล ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง 
สั่งสมความดี เพื่อปูทางให้จิตตน ออกจากกองทุกข์เถิด
สาธุ

https://youtu.be/CM5U70J_agU?t=363

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น