วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ธรรมะเปิดโลก ตอน **รวยจริง รวยปลอม**


ธรรมะเปิดโลก ตอนที่ 19 **รวยจริง รวยปลอม**

ในเช้าของวันนี้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น พระองค์ท่านได้ทรงเมตตาแสดงธรรมกลับมา กับพวกเราทั้งหลาย ดังนี้ 
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. คนเราเกิดมา... 
มักจะลุ่มหลงอยู่ในความเป็นตัวตนที่เป็นอยู่ในโลกนี้ 
มักจะยึดติดอยู่กับสิ่งต่างๆที่อยู่บนโลกนี้ 
และดิ้นรน ขวนขวาย เพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา สิ่งนี้มาเติมเต็มในชีวิตของตน
ต้องทำทุกอย่าง ทำทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง จะทำอาชีพที่ไม่สุจริตบ้าง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งต่างๆทั้งหลาย มาปรุงแต่ง มาเพิ่มเติม ต่อเติมนึกของตน แล้วก็คิดว่า ตนนั้นเป็นคนที่มีครบทุกอย่างแล้ว เป็นคนที่ไม่ขาดอะไรแล้ว แล้วก็คิดว่า ตนนั้นเป็นคนร่ำรวยแล้ว
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. แต่แท้ที่จริง คนที่รวยจริงกับรวยปลอม เป็นแบบไหน ?
แท้ที่จริง.. ความรวยในแบบนั้น เป็นความรวยจริงหรือเปล่า?
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การที่เราเกิดมานี้ 
-- เรามาเพียงเพื่อสร้างความดี 
-- เรามาเพียงเพื่อสร้างกำไรให้แก่จิตของเรา
ร่างกายนี้ที่ได้มา สิ่งทั้งหลายที่เป็นองค์ประกอบกับร่างกายนี้ที่ได้มา 
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เป็นสิ่งที่เราจะนำไปเพื่อสร้างความดี สร้างสิ่งที่ให้เกิดประโยชน์แก่จิตของเรา 
.. เมื่อครั้งหมดเวลา *เราจะได้เป็นผู้รวยอย่างแท้จริง*
ลูกทั้งหลาย.. รวยปลอม คือ รวยทรัพย์ รวยในทางโลก รวยในทรัพย์สิน ข้าวของ เงินทอง 
อันนั้นคือรวยปลอม *เพราะว่าเรารวยไม่จริง นำไปไม่ได้ *
เศรษฐี มหาเศรษฐี มีเงินทองเยอะแยะมากมาย จนต้องนำไปฝังดินบ้าง เก็บเอาไว้ตรงนั้นตรงนี้บ้าง เต็มไปหมด 
มีบ้านหลายหลัง มีที่ดินหลายแปลง มีทุกสิ่งทุกอย่างมากมาย แต่เศรษฐีผู้นั้น ลุ่มหลงอยู่ในความรวยของตนเอง คิดว่า ฉันเป็นคนรวยแล้ว ฉันรวยมาก ฉันไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ฉันก็รวย
ทีนี้จึงเป็นคนเห็นแก่ตัว อะไรก็ช่างที่ทำแล้วให้ตนเองได้เงินมาทำให้ตนร่ำรวย ตนก็ทำไปหมด.. 
โดยไม่ได้สนใจว่า “ผิด” หรือ ”ถูก” โดยไม่สนใจว่าจะติดหนี้กรรมกับตนหรือเปล่า ขอให้ได้มาครอบครอง
เงินทองที่ได้มา ถึงแม้จะมากขนาดไหน ก็ยังเสียดายที่จะนำไปทำความดี จะนำไปสร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ให้แก่สังคมบ้าง ให้แก่ผู้อื่นบ้าง ให้แก่ศาสนาซึ่งเป็นการทำดี ที่เราจะเป็นคนรวยอย่างแท้จริง 
ไม่ทำสักสิ่งสักอย่าง เพราะคิดว่า ตนนั้น เป็นคนร่ำรวยแล้ว
เศรษฐี..เมื่อครั้งตายไป --กลายเป็นสัมภเวสี ยังเร่ร่อน 
เพราะเขานั้นได้เบียดเบียนผู้อื่น 
ไม่เคยให้ทานแก่ใคร มีแต่ความลุ่มหลง
เมื่อครั้งตายไป ก็ตกนรกบ้าง กลายเป็นสัมภเวสี ไม่มีกิน ไม่มีที่อยู่บ้าง.. เพราะยึดติดอยู่กับบ้านของตนเอง 
ทีนี้ บ้าน ทรัพย์สินที่ว่าเป็นของตนนั้น ก็ไม่ใช่ของตนอีกต่อไป ...
เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เป็นแต่เพียงสิ่งที่เราได้มา-- เพื่อจะไปต่อทุนในการทำความดี
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น คือ ของที่รวยปลอม ไม่ใช่รวยจริง แต่ตนลุ่มหลงอยู่กับของปลอม ทั้งร่างกาย ทั้งชื่อเสียง ยศถาบรรดาศักดิ์ คำสรรเสริญ ความร่ำรวย ทรัพย์สินสมบัติต่างๆ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เป็นของปลอม 
// เป็นของปลอม เพราะว่า เราไม่สามารถที่จะนำไปด้วยได้
// เป็นของปลอม เพราะว่า เขามีอายุขัยของเขา ที่จะดับ /จะสูญไปจากเรา
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. บุคคลผู้ที่ยังลุ่มหลงอยู่ในทางโลก /ลุ่มหลงอยู่กับความร่ำรวย /ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่มีที่เป็น จนไม่สามารถทำความดีได้
ชีวิตครั้งหนึ่ง เกิดมา มีแต่ความเห็นแก่ตัว บุคคลผู้นั้น ไม่ได้เรียกว่า เป็นคนรวยหลอกลูก ...
เพราะแท้ที่จริงแล้ว เขายากจนมาก เขามีของปลอมทั้งนั้น-- เขาไม่มีอะไรของจริงเลย 
เมื่อครั้งเขาดับไป- ตายไป- สิ้นสุดไป ก็ทิ้งของปลอม
ความรวยปลอม ชื่อเสียงปลอม สิ่งทั้งหลายที่เป็นของปลอมของเขา ทิ้งไว้ทั้งหมด
**ไปแต่ตัวเปล่า.. ไม่มีอะไรติดตัวไปด้วยเลย**
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. เช่นนี้แหละลูก ที่เรียกว่า รวยปลอม.. 
การรวยปลอม คือ การลุ่มหลงอยู่กับ การร่ำรวย ในทางโลก จนลืมทำความดี
แต่บางกลุ่ม บางคน เมื่อเขาเกิดมา ร่ำรวยแล้ว... 
เขาก็รู้จักเอาความร่ำรวยของเขา ไปต่อไปเติม ไปสร้างไปเสริมความดีก็มี 
กลุ่มคนในแบบนี้ เขาก็รวยทั้งทางโลก รวยทั้งทางธรรม เขาก็เป็นผู้ที่ไม่หลงอยู่กับสิ่งที่มีต่างๆทั้งหลาย
เมื่อครั้งเขาตายจากโลกมนุษย์ไป /ดับไป /หมดเวลาไป 
เขาก็ได้กำไรกลับคืนไป ไปค้ำหนุนจิตของเขาให้ไม่ลำบาก ให้ไปอยู่ในจุดที่ดี 
-- ไปสวรรค์ ก็มีบ้านที่เป็นทิพย์อยู่แล้ว ไม่ต้องลำบากอะไร--
เมื่อครั้งเป็นมนุษย์อยู่ เคยช่วยเหลือผู้อื่น ให้ทาน เลี้ยงคนยากคนจน 
เกิดไปในภพหน้า ไปเกิดเป็นเทวดา ก็มีบริวาร เต็มบ้านไปหมด ทรัพย์สิน ข้าวของที่เคยนำไปทำทาน สร้างบารมี ก็กลับกลายเป็นทรัพย์สินในทางทิพย์ 
อันนั้นแหละลูก คือรวยจริง
จิตของเขา ก็ไม่ดับ ไม่สูญ ไม่หายไปไหน 
จิตของเขา ก็ไม่ได้หลุดจากความสุข ความสบายที่มี
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ หรือชีวิตหลังความตาย 
และเมื่อเราได้ไปเกิดอยู่ในสวรรค์ เราก็มีจิตที่สูงด้วยความเมตตา / รู้จักให้ผู้อื่น / ช่วยเหลือผู้อื่น
ทีนี้เมื่อครั้งเรากลับมาเกิด เราก็ยังไม่ลุ่มหลง เพราะจิตของเรา
* มีต้นทุนแห่งการให้ 
* มีต้นทุนแห่งบุญบารมีเก่าค้ำหนุน
> ทีนี้เรา ก็จะสามารถต่อบุญไปได้เรื่อยๆ
ถ้าเราไปเกิดเป็นมนุษย์เลย ไม่ได้ไปอยู่ในสวรรค์..ก็เกิดไปอยู่ในบ้านที่ร่ำรวย มีทรัพย์สิน มีเงินทองไว้ให้ ชีวิตไม่ลำบาก 
จิตของเรา ที่เคยทำทาน สร้างบุญ สร้างบารมี สวดมนต์ ภาวนา 
จิตอันเป็นบุญกุศล บริสุทธิ์ นั้น ก็ส่งผลให้เรา เป็นคนรวยที่ยังมีพลังบุญ อยู่ในตนเอง 
ก็จะต่อบุญไปเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่ง ที่ตายจากโลกนี้ / ที่ตายจากวัฏสงสาร 
ดับการเกิดทั้งหมด พ้นทุกข์ได้เช่นเดียวกัน...
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. บางคนเกิดมา แม้ในทางโลกนั้น จะไม่ได้ร่ำรวย แม้แต่ไม่มีอะไรเลย 
แต่เขาเป็นคนดี สร้างแต่สิ่งที่ดี ใครมีความลำบากอะไร ก็เอาแรง เอากำลังของตนไปช่วยเหลือ
มีงานวัด งานบุญ ก็ไปช่วยงาน โดยไม่คิดค่าตอบแทนอะไร 
หมั่นสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม 
จนใจของเขา /จิตของเขา เป็นบุญอย่างแท้จริง 
**นั่นแหละลูก เรียกว่า คนรวยจริง** เพราะเขาไม่ได้รวยปลอม
เขาปฏิบัติ กระทำความดี 
เมื่อครั้งเขาตายไป จิตของเขา ย่อมได้ไปสู่ความสุข ความสบาย
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การเกิดมาเป็นคน การที่เรามีร่างกายนี้ มีทรัพย์สิน สมบัติ หรือไม่มีก็ตาม 
แต่เราได้เกิดมาเป็นคนแล้ว เราก็เปรียบเสมือน พ่อค้า แม่ค้า ที่ไปลงทุน ทำการค้า เพื่อให้ก่อเกิดกำไร
เราได้เปิดร้านค้าแล้ว ถ้าเราไม่เอาของไปขาย ไม่ทำให้ก่อเกิดกำไรกับตนเอง 
... ท้ายที่สุด เมื่อของเหล่านั้น หมดอายุไป ก็มีแต่จะเน่า จะเสียไป ... 
ทุนที่เรามีอยู่ เรานำไปลงทุนหมดแล้ว กำไรที่จะได้มาก็ไม่มี
... เพราะว่าเราไม่ทำการค้า เพื่อให้ก่อเกิดกำไรกับเรา …
การที่เรานั้นเกิดมาเป็นคน มีทรัพย์ก็ดี ไม่มีก็ดี 
เราได้สร้าง ได้สั่งสมบุญมา จึงได้มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ 
ก็ได้ร่างกายนี้ มาเป็นสิ่งลงทุนในการทำความดี
ถ้าเกิดว่าเราได้ร่างกายนี้มา ไม่นำไปทำให้ก่อเกิดประโยชน์ เกิดความดี 
ทีนี้เราเมื่อตาย / เมื่อหมดเวลาในเรา.. เราก็เป็นผู้ขาดทุน
บุคคลผู้ใด ที่ได้เกิดมาแล้ว มีทรัพย์ก็ดี ไม่มีก็ดี แต่ตนระลึกรู้คุณค่าของการมาเกิดอยู่เสมอ 
ทำแต่ความดี สร้างสิ่งที่เกิดประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น และตนเอง 
บุคคลผู้นั้น ก็เปรียบเสมือนพ่อค้า แม่ค้า ที่ลงทุนทำการค้า แล้วตั้งใจประกอบกิจการ ให้เจริญรุ่งเรือง ให้ได้กำไร
ถึงแม้ของเหล่านั้น จะหมดอายุไป 
ถึงแม้ของในร้านค้า จะหมดเวลาไป 
-- แต่ตนก็ได้กำไร เพราะได้ขายออกไป ได้ดำเนินกิจการของตน ให้ก่อเกิดกำไรแล้ว --
การเกิดของคนเรา เกิดมาเพื่อสร้างความดีให้มีกำไร แก่จิตตน 
เพื่อหนุนนำจิตไม่ให้ตกไปอยู่ในจุดที่ต่ำ / ที่ลำบากเท่านั้น 
-- ไม่ได้เกิดมา เพื่อหลงอยู่กับสิ่งใด --
บุคคล ผู้ที่หลงในร่างกาย ในสิ่งที่มี จนไม่ยอมทำความดี ...
ก็เหมือนพ่อค้า แม่ค้าที่หลงอยู่ในร้านค้าของตนว่า ร้านค้าของฉันมีของมาก มีเยอะแยะมากมาย มีแต่ของดี 
จึงไม่ทำการค้าการขาย จึงปิดร้านไว้
ท้ายที่สุด ความลุ่มหลงนั้น ก็ทำให้เราหมดเวลา 
ของเหล่านั้น หมดอายุขัยที่จะทำความดี
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ความรวยปลอม ความรวยจริง เป็นเช่นนี้แหละลูก 
ถ้าเรารวยปลอม คือ รวยอยู่ในทางโลก หลงอยู่ทางโลก ไม่ยอมทำความดี
ถ้าเรา *รวยจริง* คือ รวยในการกระทำ รวยในการทำความดี สั่งสมความดีไว้แก่เรา 
-- มีร่างกาย ต้องนำไปปฏิบัติ ประพฤติดี ปฏิบัติดี 
-- มีทรัพย์สมบัติ ก็นำไปสร้างทาน แบ่งไปทำบุญ สร้างบารมี ให้แก่จิตของตน....
สาธุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น