ในการจัดสร้างหุ่นพยนต์อาถรรพ์ ของหลวงปู่ศุขนั้น ค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน และมีกรรมวิธีในการสร้างหลายขั้นตอนมากๆ กล่าวคือ ท่านต้องรวบรวม “ก้านตอก” ที่ใช้รดน้ำมนต์แก่ญาติโยม จึงถือว่า “ก้านตอก” นี้ เป็น”วัตถุมงคล” ประเภทหนึ่งที่มีฤทธิ์แรง และขลัง!!! อยู่ในตัวทีเดียว เพราะก่อนนำ “ก้านตอก” นี้มารดน้ำมนต์แก่ญาติโยม หลวงปู่ศุขท่านต้องนำมาทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวหลวงปู่เองเสมอ “ก้านตอก” ดังกล่าวจึงผ่านพิธีการปลุกเสกด้วยพระคาถาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อได้ “ก้านตอก” ดังกล่าวแล้วตามที่กำหนดไว้ในตำราคัมภีร์โบราณาจารย์ หลังจากนั้น จึงนำก้านตอกมาถักเป็นหุ่นพยนต์อาถรรพ์ โดยหลวงปู่ศุขท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตจารยันต์และปลุกเสกเดี่ยวด้วยการประจุ พระคาถาและพลังจิตอย่างเข้มขลังหาที่เปรียบมิได้อีกแล้วในการสร้างหุ่นพยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ เนื่องจากท่านเป็นพระอภิญญาที่มีฤทธิ์มาก จึงมีอานุภาพเป็นไปตามที่ท่านอธิษฐานไว้ รวมทั้งท่านยังนำ ผ้าห่อศพ และด้ายสายสิญจน์ที่มัดตราสังข์จาก “ศพผีตายโหง ๗ ป่าช้า” (ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร) มาพันทับอีกด้วย
จากนั้นท่านจึงนำมาจารอักขระเลขยันต์หัวใจนักรบเทพพยนต์ลงไปในหุ่นพยนต์ จากนั้นจึงนำมาจุ่มแช่ด้วย “น้ำว่านวิเศษ” ต่างๆ ทีมี “ใบไม้ที่สำคัญๆ” อีก ๗ ชนิด อันได้แก่
๑.ใบตาล
๒.ใบลาน
๓ใบขนุน
๔.ใบคูณ
๕ใบพยุง
๖ใบรัก
๗.ใบจันทร์
๒.ใบลาน
๓ใบขนุน
๔.ใบคูณ
๕ใบพยุง
๖ใบรัก
๗.ใบจันทร์
แล้วนำดินอาถรรพ์ ๗ ป่าช้า ๗ ท่าน้ำ ดินกลางนา ดินกลางโบสถ์ ฯลฯ พอกปั้นป็นตัวหุ่นแล้วจึงนำมาชุบน้ำรักผสมว่านยา ที่บริเวณมือท่านบรรจุดาบเล็กซึ่งใบมีดนั้นทำจากโลหะพิเศษติดไว้เพื่องานปราบปรามป้องกันภัยต่อกรกับข้าศึกศัตรูด้วย
หลังจากนั้นจึงนำหุ่นพยนต์มาปลุกเสกเรียกธาตุ ๔ (ดิน น้ำ ไฟ ลม) หนุนธาตุ ตั้งธาตุ เรียกอาการ ๓๒ ปลุกเสกพระคาถาย่อส่วน ขยายส่วน ปลุกเสกพระคาถาดำดิน ล่องหนหายตัว กำบังตัว ฯลฯ ท่านปลุกเสกจนมีชีวิตเคลื่อนไหวได้
หุ่นพยนต์องค์นี้นอกจากจะใช้ในป้องกันคุ้มครองภัยอันตรายใดๆทั้งปวง (ไม่ว่าทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ) แล้วยังสามารถปกป้องจากภูติผีปีศาจ อีกทั้งคุณไสย คุณคน คุณมนต์ คุณคาถา คุณหนัง และสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ รวมไปถึงยังเป็นการเสริมดวง บารมี และยังสามารถบอกโชค บอกลาภ แก่ผู้เป็นเจ้าของได้อีกด้วย…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น