(อ่านเหมือนอ่านนิยาย นิทาน ตามจินตนาการกันนะจ้ะ อย่าคิดมาก โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
ทิวทัศน์งามนอกโลกต้องโศลกชวนเคลิบเคลิ้มผู้ท่องเที่ยวดังไฟเฉลิมเร่งลุกเหิมสร้างกรรมดี
มีโดมแก้วยานลอยฟ้าพสุธาทองเปล่งศรีเพชรนิลจิลในวารีผู้คนมีอารยธรรม
สื่อสารใช้โทรจิตนิ่งสนิทอากาศขัณฑ์บริสุทธิ์เย็นทุกวี่วันมหัศจรรย์มิติไกล
บรรยากาศโดยรวมของมิติที่ 5
ท้องฟ้าที่นั่นจะเป็นสีม่วงผสมน้ำเงิน มีแสงออโรล่าหรือแสงเหนือสีเขียว มีดวงดาวดวงใหญ่ๆ มากมายอยู่ทั่วท้องฟ้า ซึ่งดวงมหึมา ใหญ่มากๆ ไม่ใช่มองเห็นเป็นดวงเล็กๆ เหมือนของพวกเรานะ
มีรถไฟลอยฟ้า ย้ำว่าลอยฟ้าไม่มีเพราะว่ามันไม่ต้องใช้รางเลย มีตึกรูปร่างแปลกประหลาดที่ไม่มีในโลกของเรา และโลกของเราก็ไม่สามารถสร้างขึ้นได้ มีอยู่มากมาย
การเป็นอยู่จะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ บ้านเมืองเขายิ่งเจริญเท่าไหร่ เขายิ่งรักษาสภาพแวดล้อมมากเท่านั้น มีทั้งภูเขา น้ำตก ทะเล คนและสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างดี
วิวัฒนาการทันสมัยแต่กลับอยู่รวมกับธรรมชาติโดยไม่มีปัญหา ผู้คนส่วนมากมักจะใส่ชุดสีขาว มีแขน มีปก กันซะส่วนใหญ่ การเดินทางจะใช้การเดินทางแบบยาน
แต่ละคนจะมียานของตนซึ่งไม่สามารถขโมยกันได้ ยานจะเล็กใหญ่ สวยไม่สวยขึ้นอยู่กับกำลังการบำเพ็ญของแต่ละคน เวลาจอดยาน เสร็จแล้วเขาจะกดนาฬิกา(แต่มันไม่เหมือนนาฬิกา เป็นตัวอักษรอะไรก็ไม่รู้คล้ายสัญลักษณ์มากกว่า) ตรงข้อมือแล้วยานก็จะหายไป
เวลาจะเรียกใช้ยานก็ทำแบบเดียวกัน น้ำทะเลเวลาโดนแสงจะกลายเป็นสีรุ้งสะท้อนขึ้นมา สวยงามมาก
เวลาคลื่นทะเลซัดฟองคลื่นเข้ามาจะกลายเป็นเม็ดเพชรเล็กๆ เต็มชายหาดเลย เวลาเดินย่ำไปกลับไม่บาดเท้า แต่ถ้าหยิบขึ้นมาก็เป็นก้อนเพชรปกติ ส่องแสงประกายงดงาม
ส่วนหาดทรายจะเป็นสีทองเหลืองอร่าม เพราะว่าทรายนั้นเป็นผงทอง ย้ำว่าผงทองแท้ๆ นะ ทองในโลกอื่นนี่สวยกว่าทองในโลกเรามาก แต่คนที่นั่นไม่มีใครสนใจของพวกนี้กันเลย
เพราะว่ามันใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ เขามองเป็นเหมือนของที่ไม่มีค่าอะไร มองเหมือนเป็นก้อนหินธรรมดา
ใครอยากจะนั่งสมาธิตรงไหนก็ได้ แค่ไม่ขวางทางก็พอ ผู้คนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดีมากเลยจ้ะ
บ้านเมืองเขาสงบมากๆ เพราะเขาพูดคุยกันทางกระแสจิต เลยไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครม จากที่เมย์ใช้กระแสจิตไม่เป็น แต่ไปถึงที่นู่นกลับใช้ได้แฮะ คิดอะไรอยู่คนรอบข้างรู้หมดเลย 555
อากาศก็บริสุทธิ์เบาสบาย รวมๆแล้วบรรยากาศสวยมาก ไม่อยากกลับมาโลกเราเลยจ้ะ ห้างสรรพสินค้าทุกห้าง ด้านบนจะมีโดมแก้วใส 2 ชั้น ที่สวยงามมากๆ ประดับด้วยเพชรนิลจินดามากมาย
ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ โดยภายในโดมชั้นแรกจะให้รถไฟวิ่งเข้าไปรับส่งผู้โดยสารด้านใน เพื่อให้คนเข้าไปสักการะ
การจะขึ้นโดมแก้วต้องขึ้นรถไฟลอยฟ้าเท่านั้น เพราะมีกฏห้ามนำยานของตนขึ้นไป บ้านเขาไม่มีพระเดินบิณฑบาตร แต่สามารถสร้างบุญกุศลได้จากการสวดมนต์นั่งสมาธิคล้ายๆ บนสวรรค์เลยจ้ะ
จะบรรลุธรรมได้ก็ต้องลงมาเกิดในโลกของเราเท่านั้น แต่เมย์ไม่เคยขึ้นไปเลย คิดว่าจะขึ้นไป แต่ก็มัวแต่ท่องเที่ยวดูบ้านเมืองเขาเพลินก่อน
ถนนหนทางจะแบ่งเป็นสามเส้น เรียงเป็นสามชั้น ชั้นบนสุดคือเลนที่วิ่งไวสุด เลนกลางก็วิ่งระดับกลาง เลนล่างสุดก็วิ่งช้าสุด ช้าสุดของที่นู่นถ้าเทียบกับโลกเราก็ 1000กม./ชั่วโมง ซึ่งมันไวมากกก
เมย์ยังได้มีโอกาสไปดูโรงจอดยานของตำรวจบ้านเขาด้วย ใหญ่มากเลย ลักษณะยานจะเหมือนกับที่เราเคยเห็นกันคล้ายๆ UFO.และมีบางลำที่มีลักษณะเหมือนเครื่องบินรบบ้านเรา
แต่สมรรถภาพเหนือกว่าเราเยอะจ้ะ เพราะมันแค่กระพริบตาเราจะไม่เห็นยานอยู่ตรงนั้นแล้ว และมองหาไม่เจอด้วยว่าอยู่ตรงไหน เพราะยานทุกลำสามารถพรางตาได้ด้วย สุดยอดมั้ยจ้ะ
และก็มีเรือลำเภาลำยักษ์พอๆ กับไทยทานิกเลย ลอยฟ้า ไว้รับส่งผู้โดยสารที่จะข้ามฟากแม่น้ำบางช่วงที่มีพลังแม่เหล็กดึงดูดสูง ซึ่งยานธรรมดาของผู้คนก็ไม่สามารถข้ามได้
เพราะสมรรถภาพความต้านแรงโน้มถ่วงไม่พอ ส่วนเรื่องคุกนี้เมย์เข้าไปได้
ในส่วนรอบนอกของที่คุมความประพฤติของผู้ที่ทำผิดกฏสถานเบาเท่านั้น คือที่เมย์เห็นจะเป็นตึกสีขาวล้วน รูปทรงเลขาคณิตแบบว่าเอาหลายๆอย่างมารวมกันอ่ะจ้ะ มีบางส่วนกลม บางส่วนสามเหลี่ยม บางส่วนเป็นสี่เหลี่ยมบางส่วนเป็นครึ่งวงกลม เป็นแนวนอนบ้าง แนวตั้งบ้าง เป็นรูปหกแฉกบ้าง เป็นตึกที่ค่อนข้างแปลกประหลาดมากๆ และก็ดูเก๋ไปอีกแบบนะ
ซึ่งโลกเราคงไม่สามารถสร้างแบบเขาได้ เพราะว่าฐานของตึกนี้เป็นรูปสามเหลี่ยมหัวกลับที่เอาด้านยอดแหลมๆทิ่มลงมา แล้วตรงยอดแหลมก็จะต่อเชื่อมกับลิฟท์แก้ว ที่ไม่ใช้สลิง
ต่อจากนั้นก็มีศิษย์พี่ชาย-หญิง ที่เป็นไกค์พาเมย์เที่ยวเหมือนทุกครั้งที่มา พาเมย์เดินไปตรงประตูทางเข้าที่มีเจ้าหน้าที่หน้าตาหล่อเหลายืนอยู่สองนาย ที่ยืนยิ้มให้ ศิษย์พี่ทั้งสองอยู่
(แอบสงสัยนะจ้ะว่าผู้คนในมิตินี้น่าตาดีกันทุกคนเลย แต่ละคนก็มีหน้าตาออกแนวคล้ายๆพวกลูกครึ่งกันซะส่วนใหญ่และมี แสงออร่าออกมาแต่ไม่เยอะเท่าไหร่อะจ้ะ)
เจ้าหน้าที่ถามศิษย์พี่ทั้งสองคนว่า วันนี้พาใครมา ขอดูบัตรผ่านด้วย ศิษย์พี่เลยกดอะไรไม่รู้ตรงนาฬิกาข้อมือ ก็มีบัตรคล้ายๆ สมาร์ทการ์ดบ้านเราปรากฏขึ้น ลอยอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา ศิษย์พี่ก็เอาบัตรนั้นสแกนเข้าเครื่อง แล้วประตูแก้วก็เปิดออก แล้วพาเมย์ไปจุดที่ขึ้นลิฟท์
ในความคิดเมย์ตอนนั้นก็คิดว่าจะได้ขึ้นลิฟท์แก้วอย่างที่เห็นก่อนเข้ามา คือลิฟท์แทนที่จะค่อยลอยขึ้น แต่ศิษย์พี่กลับพาเมย์มายืนตรงสัญลักษณ์ข้างในวงกลมๆ
แล้วก็มีเสียงโอเปอร์เรเตอร์เตือนว่าให้จับราวที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นแน่นๆ แล้วพอหมดเสียงเตือนก็มีไฟสีแดงกระพริบสามครั้ง และหลังจากนั้น เมย์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นเครื่องเล่น "ทิ้งดิ่ง" ในสวนสยาม ยังไงยังงั้นเลย
เมย์งี้กรี๊ดลั่นกำจนแทบที่เกาะแทบจะหักเลยจ้ะ หัวใจเกือบวายตายไปแล้ว ทิ้งลงมาด้วยความเร็วสูงได้สักพัก ลิฟท์ก็ค่อยๆ ชะลอตัว และลงจอดปกติ ราบเรียบไปกับพื้นกลายเป็นสัญลักษณ์วงกลมเหมือนเดิม
ศิษย์พี่ทั้งสองหัวเราะเยาะขำเมย์กันใหญ่เลย แล้วยังมีหน้ามาบอกอีกว่าเดี๋ยวก็ชิน
(คนในโลกนี้อุปกรณ์เขาไฮเทคและรวดเร็วมากจริงๆ ย้ำว่าเร็วมากกกก เร็วจนมองอะไรไม่ทันไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ แต่สายตาพวกเขากลับดีมาก)
พอออกมายืนนอกวงกลมแล้วเดินมาตามทางลูกศรก็จะเจอกับกำแพงแก้วขนาดใหญ่ มีเจ้าหน้าที่มากมาย ทำงานกันอยู่ในนั้น มองๆ ดูก็คล้ายๆ แล็บ หรือที่ทำงานในห้องวิทยาศาสตร์อ่ะจ้ะ
รออยู่หน้าประตูสักพักแล้วเจ้าหน้าที่คนสวยก็เดินมาต้อนรับและขอดูบัตรของศิษย์พี่รวมทั้งสแกนอะไรบางอย่าง คล้ายๆ ว่าย้ำกฏข้อห้ามนะ เข้าไปแล้วห้ามทำผิดกฏนะ
พอเดินไปตามทางสักพักเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาจนเวียนหัว ก็เข้ามาเจอประตูบานสีขาวทึบๆ ตรงกลางบานประตู มีกระจกใสๆ อยู่ตรงกลาง แล้วเจ้าหน้าที่ก็เอาบัตรแสกนแล้วก็กดอะไรไม่รู้จึ๊กๆ แล้วประตูก็เปิดออก
โหยเมย์งี้ตะลึงเลยจ้ะ เอาเมย์มาขังไว้ก็ได้นะ สวยมาก ด้านในยาวเข้าไปสองข้างทางเป็นเหมือนแคบซูล มากมายเรียงราย ด้านในแค็บซูลพื้นที่กว้างมากไม่เหมือนด้านนอกเลย
ตรงประตูแค็บซูลทุกบานจะเป็นกระจกหนา และมีปุ่มกดรหัสทุกแค็บซูล 1แค็บซูลจะมีผู้ทำผิดคนที่โดนกักบริเวนหรือพูดง่ายๆ ว่าถูกควบคุมความประพฤติอยู่ 1 คน
ให้นั่งสมาธิสำนึกผิดอยู่ในนั้น ในนั้นจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างเลย มีโฮมเทียเตอร์ ที่ไฮเทศมากจะพูดไงดีนะ เพราะว่ามันไม่มีในโลกเราเลย
กำแพงของแคบซูลสามารถเปลี่ยนสีได้ตามอารมณ์ของผู้ที่อยู่ด้านใน และเปลี่ยนเป็นภาพวิวสวยๆ ได้ตามแต่อารมณ์ของคนๆ นั้นว่าอยากจะให้เป็นยังไง ระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับว่าทำผิดบ่อยแค่ไหน
พวกเขาเคารพกฏเกณฑ์ของสังคมมากเลยจ้ะ ถ้ามาสายไม่ตรงต่อเวลา 3 ครั้ง จะถูกคุมตัวมากักบริเวณควบคุมความประพฤติที่นี่ เป็นระยะเวลา 1 ปี โกหก 3 ครั้ง ก็โดนกักบริเวณ 1 ปี แต่ถ้าเคยถูกขังมาที่นี่แล้วครั้งนึง ครั้งต่อไปถ้าทำอีกจะโดนขัง 10 ปี ถ้าครั้งที่สามยังทำผิดได้มาอีกจะโดนขัง 30 ปี ระยะเวลาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนครั้งที่ทำผิด
(แต่คนที่นี่แทบจะไม่โกหกกันเลย เพราะถ้าโกหกอีกฝ่ายนึงจะรู้ทันทีเลย เป็นเรื่องน่าละอายสำหรับพวกเขามาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าโกหกกัน)
ถึงคุกที่นี่จะสวยงามแค่ไหน แต่คนที่นี่ถือว่า มันเป็นความอัปยศอดสูมาก มันทำให้เสื่อมเสียเกียรติของตนเองและครอบครัว มิน่าคนที่นี่เวลาว่างเขาถึงได้นั่งสมาธิกันทุกที่เลย (โห นี่ขนาดมาสายแค่ 3 ครั้ง) ยังโดนขังตั้ง 1 ปีขนาดนี้ ถ้าทำผิดหนักมากก็จะโดนกักขังในห้องมืดตลอดชีวิต(แต่เป็นห้องมืดที่มีควันเย็นๆสีดำลอยอบอวลอยู่ในนั้นตลอดเวลาอ่ะจ้ะ)ไม่มีสิทธิ์ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย ฟังดูก็น่ากลัวนะจ้ะ
แต่เมย์ว่าศิษย์พี่เมย์ยังบอกไม่หมดแน่ๆ ต้องน่ากลัวกว่านี้แน่ๆ เลย หลังจากดูคุกเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาออกมา แต่ครั้งนี้ศิษย์พี่รู้ใจพาขึ้นลิฟท์แก้วออกมา ค่อยยังชั่ว วิวคุกที่นี่สวยมากเลยจ้ะ
แต่ถึงจะสวยยังไงก็เป็นสถานที่ๆคนที่นี่ส่วนใหญ่ไม่อยากมากัน ศิษย์พี่เคยพูดบอกว่าที่แห่งนี้เป็นโลกของคนที่มีใจใฝ่สันติมาอยู่กัน บางคนอยากหลุดพ้นก็ต้องลงมาเกิดในโลกเรา
เพราะโลกของเขาสบายกันเกินไป จากคนดีๆใจบริสุทธิ์ในโลกเขาพอลงมาเกิดในโลกเรา ส่วนใหญ่ก็พากันหลงโลกเหมือนพวกเรานี่แหละจ้ะ ลืมจนหมดสิ้นว่าเราจะลงมาทำอะไร มีจุดมุ่งหมายอะไร
บางคนจากโลกเขาลงมาเกิด เพื่อถ่ายทอดวิทยาการที่ก้าวหน้าที่โลกเราพอจะทำได้ให้ ใครอยากไปก็ฝึกจิตกันนะจ้ะ แล้วแต่ว่าเราจะได้เจอได้เห็นกับอะไร ตามวาระจิตของแต่ละคนน่ะจ้ะ #
แต่อย่างแรกที่ต้องฝึกกันเลยคือเลิกพูดโกหกและฝึกจิตให้เป็นผู้มีใจใฝ่สันติ #ไม่มุทะลุ #โมโห #ท้าตีท้าต่อยกับใครทั้งสิ้น
โลกของเขาถ้าเทียบกับโลกของเรา มิติที่ทับซ้อน หรือมิติคู่ขนาน เมืองหลวงของเขา ตั้งอยู่แถบทางภาคมหาสมุทรเมดิเตอร์เรเนียนของโลกเราจ้ะ
แล้วเมย์ก็กลับมาในโลกเดิมในตอนเช้าโดยมีศิษย์พี่ทั้งสองคนมาส่งเหมือนเดิม
https://sites.google.com/site/jantimema/mey-thida-phrhm/brryakas-lok-tang-daw-ni-miti-thi5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น