ธรรมะเปิดโลก วันที่ 2 พฤษภาคม 2558
ตอนที่ 15 **การขอพร**
ในเช้าของวันนี้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านแล้วนั้น พระองค์ท่านได้ทรงเมตตาแสดงธรรมกลับมา กับพวกเราทั้งหลาย ดังนี้
- - - -
ลูกทั้งหลายเอ๋ย..
บ่อยครั้งที่ลูกนั้น เที่ยวขอพรจากเทวดาองค์นั้น องค์นี้บ้าง
ขอพรจากพระองค์นั้นบ้าง องค์นี้บ้าง
วิงวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ก่อเกิดสิ่งที่ดี ให้แก่ตัวของลูกนั้น
-- แต่แท้ที่จริงแล้ว พรอันประเสริฐนั้น อยู่ที่ใคร --
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การที่เราขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น เราจะสำเร็จในพรนั้น พรนั้นจะเป็นพรที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้อย่างแท้จริง เราต้องทำยังไงบ้าง...
การที่เรานั้นจะทำให้พรนั้นศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เพราะผู้ให้พรเป็นองค์พระอรหันต์ ผู้ให้พรเป็นเทพชั้นสูง เทพที่มีอิทธิฤทธิ์ บารมีมาก
ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกลูก **แต่อยู่ที่ตัวของลูกเองต่างหาก** ว่าลูกนั้นขอพรไปแล้ว และประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อให้พรนั้นบังเกิดขึ้นอย่างแท้จริงหรือเปล่า หากเราไปวิงวอนขอพรจากตรงไหนมา แต่ถ้าเราไม่ปฏิบัติ ไม่กระทำความดีเลย มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
แต่ไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ว่า เทพองค์นั้น พระองค์นี้ไม่ดี แต่เพราะว่าตัวของเรา ยังไม่ทำให้ดีต่างหาก
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. พรที่ได้มา ก็เหมือนเมล็ดพืช ถ้าเราได้มาแล้ว เราเอามาเก็บไว้เฉยๆ ก็ไม่ก่อเกิดประโยชน์อะไร
เมื่อนานๆไป -- เมล็ดนั้นก็จะกลายเป็นของเสีย เน่าไปเปล่าๆ
ถ้าเราได้เมล็ดพืชมา เรานำไปปลูก ตั้งใจดูแล ตั้งใจทำให้มันดีขึ้นมา เมล็ดพืชนั้นย่อมงอกงาม งอกเงย ก่อเกิดขึ้นมา เมื่อเกิดมาเป็น 1 ต้น เราก็นำเมล็ดไปปลูกใหม่อีก กลายเป็น 2 ต้น 3 ต้น ขึ้นมา
... เราย่อมเห็นผลของสิ่งที่ได้มานั้น ว่าเกิดประโยชน์อย่างไร
เช่น ถ้าเราไปขอพรในที่ใด เราได้ตั้งใจดีแล้ว...
เมื่อขอพรเสร็จ เรากลับไป เราก็นำสิ่งที่ดีไปปฏิบัติ กระทำความดี ตั้งใจทำดี หรือการทำดีของเรานั้น อาจสั่งสมมาแล้ว เราจึงขอพร-- พรนั้นย่อมบังเกิดแก่เราอย่างแท้จริง เรียกว่า สมหวังในการขอพร
ถ้าเราสมหวังในการขอพร 1 ครั้ง เราก็จะมีกำลังใจในการทำความดี เราก็จะทำความดีอีก แล้วเราก็จะประสบแต่กับสิ่งที่ดี การขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น จึงเหมือนการที่เราไปขอเมล็ดพืชมา เพื่อไปเพาะปลูก เพื่อไปทำให้ก่อเกิดผล ก่อเกิดประโยชน์ให้แก่ตน
ทุกคนขอพรเหมือนกัน แต่จะไม่บังเกิดแก่ทุกคนเหมือนกัน นั่นไม่ใช่เพราะว่าเทวดาลำเอียง ไม่ใช่ว่าพระองค์นั้นลำเอียง ไม่ใช่เช่นนั้นเลย -- แต่ให้เมล็ดมาเหมือนกัน เท่าเทียมกัน
ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเพาะปลูกหรือเปล่า จะทำดีต่อยอด เพื่อให้ก่อเกิดผลที่แท้จริงหรือเปล่า หรือว่าจะได้เมล็ดพืชมา จะทิ้งไว้จนเน่าจนเสียอยู่เช่นนั้น --
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. พรอันประเสริฐจึงมีอยู่ในเรานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง
ส่วนบุคคลผู้อื่นนั้น เขาเป็นแต่เพียง *ผู้ที่จะคอยช่วยชี้แนะ ชี้นำ*
หากเรานั้น ไม่ได้มีเมล็ดพืช ในการที่จะไปเพาะปลูก หรือทำสิ่งใด...
เช่นเริ่มแรก อาจจะเริ่มจากการที่เรายังไม่ค่อยเข้าใจที่ในการทำความดี ยังไม่ค่อยเข้าใจในการที่จะทำยังไงให้ใจนั้น จิตนั้นเข้าถึงความดี ความสุขอย่างแท้จริง-- เราอาจจะอาศัยพระเป็นที่พึ่ง อาศัยสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งก่อน--
กราบพระองค์นี้แล้วรู้สึกสบายใจ ฟังธรรมแล้วรู้สึกดี เราอาศัยบุญบารมีของท่านมาเป็นสิ่งหนุนนำ ค้ำหนุนตน โดยการนำเอาเมล็ดพืชจากท่านมาเพาะปลูก คือ เริ่มทำความดี เพื่อให้เรานี้ ได้เข้าถึงสิ่งที่ดี เมื่อเราเข้าถึงสิ่งที่ดีแล้ว พรอันประเสริฐย่อมเกิดขึ้น มีอยู่ในเรา
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ตัวของเรานี้ก็เหมือนผืนแผ่นดินผืนหนึ่ง ถ้าเราทำตนให้ดี ทำตนให้ชุ่มฉ่ำด้วยบุญกุศล ด้วยสิ่งที่ดี ใครเขาโยนเมล็ดอะไรลงมาในเรา ก็ย่อมจะเกิด จะงอกงาม งอกเงยขึ้นมา
ถ้าเราทำตนให้แห้งแล้ง ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ในเรา.. แม้จะเป็นใคร โยนเมล็ดลงมาในเรา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร จะไม่งอกงาม งอกเงย จะไม่ส่งผล ให้ผลอะไรกับเราเลย
ฉะนั้น พรอันประเสริฐ มีอยู่ในเรา
... ผู้ให้นั้นให้แต่เพียงเมล็ดพืช ให้เราได้นำมาทำ มาเพาะ มาปลูก มาทำให้ก่อเกิดอยู่ในเราเท่านั้น...
ลูกทั้งหลายเอย.. แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังช่วยอะไรลูกนั้นไม่ได้ ...
นอกจากให้แต่เมล็ดพืช คือ คำสั่งสอนทั้งหลาย การประพฤติ การปฏิบัติทั้งหลาย ให้แก่ลูกเท่านั้น
... เมื่อลูกประพฤติตาม ปฏิบัติตาม ก็เหมือนนำเมล็ดที่ให้ไว้นั้นไปปลูก ...
เมื่อปฏิบัติตามอย่างดี ก็เหมือนดูแลพืชที่ปลูกนั้นอย่างดี
ในที่สุด ดินก็ดี เมล็ดก็ปลูกไปแล้ว และก็ดูแลดี...
ผลของมันย่อมงอกงาม งอกเงยออกมาดี เป็นแน่แท้
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. หากว่าเราไม่ได้ทำตาม ไม่ได้ปฏิบัติ ตามคำสั่งสอน ก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเราเลย
ลูกทั้งหลาย.. ฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอยู่ที่เราด้วย ไม่ใช่อยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่กับเทวดาองค์ใด หรืออยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับเรา
...ส่วนผู้อื่นนั้น เขามีหน้าที่เพียงแค่ให้เมล็ดพืชกับเราเท่านั้น...
ต่อจากนี้ไป ให้หมั่นฝึกฝนนำเอาสิ่งที่ดี ไปเพาะ/ไปปลูก /ไปทำ
-- เมื่อเราทำดีแล้ว ผลที่ดีย่อมบังเกิด
-- เมื่อเราไม่ทำดี ผลที่ดีจะเกิดมาจากสิ่งใด
ลูกทั้งหลาย.. บุคคลที่ปลูกพืชแล้ว ดูแลดีแล้ว พืชนั้น ย่อมเจริญเติบโตตามธรรมชาติของมัน
คือ ถ้าเราทำดีแล้ว สิ่งที่ดีก็ย่อมบังเกิดแก่เรา พรอันประเสริฐที่เราขอนั้น จึงประเสริฐแก่เรา อย่างแท้จริง
แต่ถ้าเราไม่ได้ทำความดีแล้ว พรอันประเสริฐแม้จะมีอยู่ในเมล็ด แต่ก็ไม่เกิด...
- เพราะเรา ไม่เพาะปลูก
- เพราะเราปล่อยให้เน่าไป เสียไปเช่นนั้น
ลูกทั้งหลาย.. ทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวของเราเองจะประพฤติ จะกระทำ ส่วนผู้อื่นนั้นมีแต่เพียงช่วยเราได้บ้างในบางส่วน.. แต่จะสำเร็จในการช่วยเหลือหรือไม่นั้น
< ขึ้นอยู่กับตัวของเราด้วย ว่าเราจะทำดี คิดดี สร้างสิ่งที่ดีมาเป็นสิ่งประกอบด้วยหรือเปล่า >
-- เมล็ดพืชนั้น แม้จะดีแค่ไหน ถ้าไม่เพาะปลูกนานๆไป ย่อมสูญเสียไป สลายไป กลับคืนสู่ธาตุของธรรมชาติ เน่าไป กลับสู่ดิน--
แต่ถ้าเราได้มา เราเพาะปลูก ก็จะงอกเงยตามธรรมชาติ
ลูกทั้งหลาย.. เมล็ดพืช คือ **พรที่ได้มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย.. แต่เราต้องเป็นผู้ปลูก**
-- จงจำไว้เช่นนี้เถิด แล้วเราจงปฏิบัติให้ดี อยู่ในเรา.. เพื่อก่อเกิดผลที่แท้จริงเถิด --
สาธุ
https://youtu.be/Q73X-bJfH-A
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น