วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2565

อภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ อย่าง

🚩🚩อภิณหปัจจเวกขณ์
#ธรรมที่พระพุทธเจ้าให้เราปฏิบัติ มันดีเราก็ปฏิบัติตาม ถ้าทำได้อย่าง
นี้ก็เดินเข้าไปหาความเป็นผู้วิเศษ วิเศษตรงไหน
#วิเศษที่กายไม่เลว #วิเศษที่วาจาไม่เลว #วิเศษที่ใจไม่เลว

#วันนี้ว่ากันถึงอภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ อย่าง ที่ท่านบอกให้พิจารณา
เนื่อง ๆ ทุกวันไป แต่จะไม่ว่าบาลี มันเกะกะ เป็นภาษาไทยๆ สบายกว่า อภิณห
ปัจจุเวกขณ์นี้ท่านบอกว่ามี ๕ อย่าง คือ
✨๑. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า "เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น
ความแก่ไปได้" อันนี้เป็นวิปัสสนาญาณนะ
✨๒. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า "เรามีความเจ็บคือการป่วยไข้ไม่สบาย
เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้"
✨๓.​ ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า "เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้น
ความตายไปได้"
✨๔.​ ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า "เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของ
ชอบใจทั้งสิ้น"
✨๕. ควรพิจารณาทุกๆ วันว่า "เรามีกรรมเป็นของตน เราทำดีจักได้ดี
ทำชั่วจักได้ชั่ว"

#ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราควรพิจารณาทุก ๆ วัน อยากจะเติมอีก
สักนิดว่า #ทุกลมหายใจเข้าออก ดีไหม?

#ถ้าจะให้ดีนะ เอาตามแบบที่เขาปฏิบัติกัน เขาพิจารณากันแบบนี้
๑.​ พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็มานั่งดูใจของเรา ใจมันคิดอย่างไร มัน
อยากสงบก็จับอานาปาเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปมันพอใจกรรมฐานกองไหนที่จะ
ภาวนาควบกับอานาปา หรือว่าต้องการทรงเฉยๆ ก็ตามใจ พอใจอย่างไรทำ
อย่างนั้นให้จิตสงบถึงที่สุด อารมณ์ทรงตัวเป็นฌานสูงดี จิตว่างจากนิวรณ์
จิตว่างจากกิเลส ใช้ได้

#บางวันพอทำไปจิตมันสบาย อารมณ์มันอยากจะคิด เราก็คิดในเรื่อง
#อภิณหปัจจเวกขณ์" บางทีพอตื่นจิตมันอยากจะคิดเลย ก็คิดเลย อารมณ์ที่
คิดอยู่ถึงเรื่องนั้นๆ โดยไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาแทรก ท่านเรียกว่า #เอกัคคตารมณ์
เป็นอารมณ์ของฌาน คือ #ปฐมฌาน

#บางทีคิดๆ ไป พิจารณาไป อารมณ์สมาธิมันรัดตัวเข้ามาทุกที่ ในที่สุดมันหยุดคิด ทรงอารมณ์เฉย ถ้าหยุดคิดทรงอารมณ์เฉยนั้น​ หมายความว่า จิตของท่านเข้าถึงฌาน #ตั้งแต่ทุติยฌานขึ้นไป

#หรือบางคราวพอตั้งอารมณ์สงบแล้วจิตอยากคิด ก็คิดใคร่ครวญพิจารณา พออารมณ์ซ่าน ทิ้งอารมณ์คิดมาจับอานาปาใหม่ให้จิตทรงตัว​ สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้ความเป็นอรหันต์จะมาถึงท่านไม่ช้าเลยนี่ขอยืนยัน​ มันเป็นของไม่ยาก

#กาย ร่างกายทั้งหมดมันสกปรกทั้งหมด มันเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ มันเป็นทุกขัง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ช้ามันก็พัง
✨๑. เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ แก่มันอยู่ตรงไหน แก่ที่เวลามันสิ้นไปหนึ่งวินาทีแก่หนึ่งวินาที ผ่านไปหนึ่งนาทีก็แก่ไปหนึ่งนาที มันเดินเข้าไปหาความตาย แก่ไปเสื่อมไปทุกวันเวลา สร้างความรู้สึกให้
เป็นสภาพอย่างนี้เป็นปกติ

#โดยมากปุถุชนคนที่หนาแน่นไปด้วยกิเลส ตนเองจะแก่หงำเหงือก
เท่าไรก็มองไม่เห็นแก่ แก่บนแก่ล่าง กลางไม่แก่ คือ ใจไม่แก่ นึกว่าเป็น
หนุ่มเป็นสาวอยู่เสมอ นี้มันจอมบรมโง่ เขาจึงเรียกปุถุชน สัญญามันก็ไม่ดีอย่า
ว่าแต่ปัญญาเลย คนประเภทนี้เกิดอีกหลายแสนชาติก็ไม่พ้นอบายภูมิ ไม่พ้น
จากความทุกข์ ปัญญาไม่มีไม่ว่า แถมสัญญาความจำก็ยังไม่มี
ควรจะจำว่าเกิดมาใหม่ ๆ ตัวมันโตเท่าไร สภาพเป็นยังไง เป็นเด็กขึ้นมาหน่อยเด็กใหญ่วิ่งได้ ต่อมาเป็นหนุ่มเป็นสาว กลายจากความเป็นหนุ่มสาวก็เริ่มทรุดโทรม ถ้าไม่เห็นตัวเองก็มองคนอื่นเป็นครู
#นี่มันตัวสัญญา #ความจำ

#แต่ความรู้สึกอย่างนี้ไม่มี มันยังจำไม่ได้ก็แสดงว่าบรมโง่แล้ว​ จอมโง่​ ยอดโง่ เป็นแชมป์โง่ แชมป์นี้เขาแปลว่าอะไรนะ สมัยพระพุทธเจ้าตามบาลีว่า
#เอกทัคคะ​ #ผู้เป็นเลิศในทางความโง่

✨๒. เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา อาการของเจ็บมันอย่างหนึ่ง โรคมันอย่างหนึ่ง โรคนิทธัง เป็นรังของโรค โรค" เขาถือว่ามีอาการเสียดแทง​ เมื่อยโน่นปวดนี้ หนาวที่นั่น ร้อนที่นี่ คันที่โน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าโรคนี้มีทุกวัน #ชิคัจฉา #ปรมา #โรคา​ #ความหิวเป็นโรคอย่างหนึ่ง นี่เอาเฉพาะกายนะ

#ถ้าอารมณ์มันหิว เป็นบ้าเลย บางทีหลับแล้วยังหิวคือฝัน กายนี้มันหิวทั้งวัน กินเช้า กินสาย กินบ่าย แล้วก็กินเย็น กินกลางคืน ดีไม่ดีตื่นขึ้นมาม​ แล้วลุกขึ้นมากินอีก

#กินเข้าไปแล้วมันจะออก ปวดท้องอุจจาระ ปัสสาวะ เป็นนิพัทธทุกข์
ทุกข์เนื่องนิจ พิจารณาแล้วอย่านึกมันเฉยๆ มองมันไปด้วย มองว่ามัน
เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ป่วยไข้ไม่สบาย มันเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ แก่เป็นสุข
หรือเป็นทุกข์ ตอนเช้ามืดนี้ล่อมันให้ช่ำพิจารณาถึงตัวเรา พิจารณาถึงคนอื่น

#มองดูคนที่เรารัก พิจารณาว่าเป็นอาการ ๓๒ ขี้สวยไหม เยี่ยวสวย
ใหม เลือดสวยไหม น้ำหนองเสมหะสวยไหม น้ำลายสวยไหม ไอ้นี่ข้างใน เอ้า
เสียงด่าสวยไหม นั่งพิจารณาไป คิดให้มันเห็นให้มันซึ้งค่อยๆ คิด อาการ
เสียดแทง ร่างกายเป็นโรคนิทธัง เป็นรังของโรค พิจารณาไว้ทุกวันเวลาให้
เห็นความทรุดโทรมความไม่ดีทุกขเวทนาเป็นปกติ มองคนอื่น มองสัตว์อื่นให้เห็นตัวทุกข์

✨๓. เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ความตาย
นี่เขาให้คิดถึงลมหายใจเข้าออก สิ่งที่มันตายไปปัจจุบัน คือลมหายใจ​ เราหายใจออกแล้วมันพังไปแล้ว มาข้างในลมที่สูดเข้าไปใหม่นี่ มันไม่ใช่ลมเก่า
เป็นลมใหม่ มันเกิดใหม่ เกิดเดี๋ยว​เดียวเอาออกไปอีก แล้วพังไปอีก นี่ลมพัง​ ธาตุลมพัง

#ธาตุไฟก็พัง มันทำให้กายอบอุ่น มันอุ่นแล้วก็แล้วไป หายไป มันเกิดใหม่ก็ทรงความอุ่น ถ้าเชื้อไม่ดีความอุ่นน้อย ก็เริ่มหนาวละชิ

#..ธาตุดิน ธาตุน้ำ มันพังทุกวัน ร้อนเหงื่อไหล ธาตุน้ำพัง หายไปแล้ว
ตายไปแล้วของเก่า น้ำลายไหลออกมา บัวนน้ำลาย ของเก่าหมด น้ำพังไป
อีกแล้ว น้ำตาไหลน้ำมูกไหลมันหายไปแล้ว พัง ถ่ายปัสสาวะออกมาแล้ว โอ้โฮ
น้ำเก่าตายไปซะอีกแล้ว ถ่ายอุจจาระออกมามีน้ำตาย

#..ธาตุดินตาย มันเหี่ยวแห้งลงไป ที่เรากินเข้าไป กินข้าวใหม่อาหาร
ใหม่เข้าไปให้มันเกิดใหม่สร้างใหม่ ของเก่าก็สลายตัวไป ถ่ายออกไปบ้าง
เสื่อมไปโทรมไปบ้าง นี่ร่างกายมันร่อยหรอทุกวัน นี่มันตาย
ของเก่าตายเรื่อยๆ เราต้องหาของใหม่มาเพิ่มเรื่อย อาการที่หาของ
ใหม่นี่มันเป็นสุขหรือทุกข์ แล้วเราต้องสั่งสมสร้างเสริมมันทุกวันๆ มัน
เหน็ดเหนื่อย เป็นอาการของความสุขหรือความทุกข์

#..จงจำไว้ว่า ขึ้นชื่อว่าความตายไม่มีนิมิตไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีกาล
เวลาแน่นอน มันจะตายเมื่อไรก็ได้ เตรียมตัวเพื่อตายเตรียมอย่างไร ก็เตรียมว่า
"ชาติปิทุกขา" ความเกิดเป็นทุกข์
" ชราปิทุกขา" ความแก่เป็นทุกข
"มรณัมปิทุกขัง" ความตายเป็นทุกข์ แล้วก็จะเกิดทำอะไรอีกล่ะ ทุกข์ ถ้าเราไม่ต้องการความเกิดทำอย่างไร
"ตัดโลภะ"ความโลภ โลภมันทำเกลืออะไร มันจะตายอยู่แล้ว
"ตัดโทสะ" ความโกรธ จะโกรธไปหาจวักอะไร ก็มันจะตาย
" ตัดโมหะ" ความหลง จะไปเกาะอะไรว่าเป็นเราเป็นของเราอีกล่ะ มันต่างคนต่างตาย โง่ชิ

✨๔..เราต้องพลัดพรากจากของรักของชอบทั้งสิ้น จำไว้ว่า อะไรที่เรารักต้องพลัดพรากจากมัน พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ทวด ญาติ ตายไปกี่คนแล้ว ของที่เรารัก เงินทองที่หามาได้ เราพลัดพรากจากกันทุกวัน ใช้ไปสิบสตางค์ก็พลัดพรากจากมันไปสิบสตางค์ ของที่เราหามาเพื่อกินอร่อยๆ เช่น ข้าว หมู​ เป็ด ไก่ ผัก ปลา เรา ก็หมดไปกี่วันเป็นเท่าไร นั่นมันพลัดพรากจากกัน พ้น
ไม่ได้เมื่อความตายมันเข้ามาถึง

✨๕..เรามีกรรมเป็นของตัว ทำดีได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว ทำดีมันเสียอย่างเดียวหมดเรื่อง ทำดีทำอะไร

"ตัดความโลภ" ขึ้นชื่อว่าความโลภ ละโมบโลภมาก ชั่วช้าเลวทราม
คดโกง คอรัปชั่น ไม่มีสำหรับเรา ยินดีเฉพาะทรัพย์สินที่หามาได้โดยชอบธรรม
และจิตไม่ติดในมัน คิดว่ามันกับเราจะจากกันเสมอ

"ตัดโทสะ" ความโกรธ มีแต่อารมณ์เมตตา ความรัก กรุณา สงสาร
มุทิตา พลอยยินดีด้วย ไม่อิจฉาริษยาเขา เขาได้ดีพลอยยินดี

"ไม่มีโมหะความหลง" เราจะวางเฉยได้ถ้าโมหะความหลงไม่มี เฉยให้
หมด เฉยไม่โลภ เฉยไม่โกรธ เฉยไม่ห่วงกาย "กายจะแก่ก็เชิญแก่จ๊ะ" ใจเป็นสุข
มันอยากจะแก่นี่ "กายมันจะป่วยก็เชิญจ๊ะ​" ก็เธออยากป่วยก็ป่วยไปซิ ฉัน
รักษาหายก็หาย ไม่หายตายและช่างมัน กายมันจะตายก็เฉย จิตใจไม่มีความผูกพันในกาย กายที่เต็มไปด้วยความสกปรก กายที่เป็นปัจจัยนำมาซึ่ง
ความทุกข์ กายเราก็ดี กายคนอื่นก็ดี วัตถุทั้งหลายก็ดี เราก็เฉยหมด คิดเสียว่า
ของทั้งหมดในโลกเป็นปัจจัยของความทุกข์ ไม่นำความสุขมาให้ แล้วเราจะ
ห่วงใยมันเพื่อประโยชน์อะไร มันจะพังเมื่อไรก็เชิญพัง เราอาศัยมันชั่วคราว
พังเมื่อไรไปนิพพานเมื่อนั้น

"ถ้าพิจารณา​อย่างนี้​ ถ้าได้ทรงตัวจริงๆ​ อารมณ์​ทรงตัว​ ถ้าไม่ไปนิพพาน​ก็บ้าล่ะ​ วันนี้​เป็นอารมณ์​ของพระอรหันต์​ที่จะเข้านิพพาน​" จำให้ดีนะ"อย่าคิดว่าธรรมะที่อ่านอยู่นี่มันเป็นเครื่องประดับความรู้

ถ้าอย่างนั้นอย่าอ่านให้ปวดตา​ เปลืองเวลา​ หาทางเดินลงนรกให้มันสบายๆ​ อย่างนี้เขาสอนใจเพื่อนิพพาน
ธรรมขององค์​สมเด็จ​พระพิชิตมารทุกข้อที่ท่านว่าดีนี่ทำแล้วถึงพระนิพพาน​ทั้งหมด

🖊️📖จากหนังสือ​ พ่อสอนลูก​(เล่มสีทอง)​ หน้าที่​ ๓๓๙~๓๔๔
🙏🙏พระธรรม​คำสอนหลวงพ่อ​พระราชพรหมยาน​ วัดจันทาราม​ (ท่าซุง)​ จังหวัด​ อุทัยธานี

🖊️พิมพ์​พระธรรม​โดย​ นภา​ อิน🙏🙏

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น