วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2565

จิตดวงสุดท้าย

เคยได้ยินเรื่อง "จิตดวงสุดท้าย" ไหม?
ก่อนที่จะวูบดับจากโลกนี้ไป
จิตมันยึดอยู่กับอะไร
ก็หลงติดอยู่กับสิ่งนั้นแหละ
ปัจจุบันเห็นคนฆ่าตัวตายกันมาก
มีข่าวกันทุกวันเรื่อยๆ​ เยอะมากเลย

หลายคนมีความเจ็บปวด​
มีความทุกข์มาก​ จนอยากจะหนีปัญหา​
แล้วเลือกที่จะจบชีวิตก่อนวัยอันควร​
เพื่อหนีปัญหา

... แต่ปัญหาไม่ได้จบหรอกโยม

#ดวงจิตดวงสุดท้ายยึดโยงอยู่กับอารมณ์ใด
#เมื่อละจากโลกนั้นไป
#จิตก็จะติดอยู่กับอารมณ์นั้นเอง

ถ้าตายไปกับความเศร้า... 
จิตก็อยู่กับความเศร้า
แต่ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่
เรายังมีโอกาสหลุดออกมา

แต่ถ้าตายแบบนั้น
โยมจะติดอารมณ์อยู่อย่างนั้นไปนานเลย

ภพภูมิสัมภเวสี...
ก็เหมือนความฝัน​ ติดอยู่อย่างนั้น
จนกว่าจะตื่นขึ้นมาแล้วหลุดออกไป

ยังไม่ได้ไปวงจรสุคติภูมิ หรือทุคติภูมิด้วย
มันติดค้าง เป็นมิติที่ซ้อนเหลื่อม
อยู่กับภพภูมิมนุษย์ ..ใกล้เคียงกันมาก

ซึ่งตรงนี้​ จะเกี่ยวกับเรื่องพันธะยึดโยงต่างๆมาก
คือจิตที่ติดอยู่ ไม่ได้ผุด ไม่ได้ไปเกิดนั่นแหละ
แต่ติดอยู่ตรงนี้ มันจะเยอะมาก

อย่างสนามรบ หรืออะไรก็ตามที่จิตมันยึดติดอยู่
ก็ติดอยู่อย่างนั้นแหละโยม
... แล้วติดกันมานาน

โยมเคยฝันร้ายไหม? แต่มันไม่ตื่นสักที
ติดอยู่อย่างนั้นไปตลอด
กว่าจะได้หลุดมาก็ไม่รู้เมื่อไหร่
นั่นคือสภาวะของมิติ​ ในภพสัมภเวสี

แต่ถ้าคนฝึกสติปัฏฐานน่ะโยม
มันหลุดได้.. มันตื่นได้
โยมว่าสำคัญไหมล่ะ ดวงจิตดวงสุดท้าย? 

#แต่ถ้าโยมฝึกสติปัฏฐานมันพลิกได้เลย
#พลิกเป็นวิหารธรรมที่ตื่นรู้ได้เลย

เพราะฉะนั้นการฝึกสติปัฏฐาน
จะเปลี่ยนจากจิตที่เศร้าหมอง
เป็นจิตที่ผ่องใสได้

ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้
เมื่อจิตผ่องใส สุคติเป็นอันหวังได้​" 

แล้วในแต่ละวัน ถ้าโยมไม่ฝึกสติปัฏฐาน
เรื่องเยอะไหมในชีวิต? 

ถ้าโยมปล่อยใจให้เศร้าหมอง
แล้วถ้าเราตายในขณะนั้นน่ะ
มันคุ้มกันไหมโยม ?

ชีวิตหลังความตายหนักกว่ามาก
ถ้าเราปล่อยใจให้เศร้าหมอง
และมันยาวนานกว่ามาก

แต่ถ้าเราฝึกสติปัฏฐาน​ สามารถพลิกได้โยม
เปลี่ยนจิตเศร้าหมอง
กลายไปเป็นใจที่ผ่องใสได้

เพราะฉะนั้น...
เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญ
จะเป็นประโยชน์เกื้อกูล
ทั้งในภพปัจจุบัน​ และสัมปรายภพนะ
.
.

โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร
8 พฤศจิกายน 2563

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น