ก่อนที่จะวูบดับจากโลกนี้ไป
จิตมันยึดอยู่กับอะไร
ก็หลงติดอยู่กับสิ่งนั้นแหละ
ปัจจุบันเห็นคนฆ่าตัวตายกันมาก
มีข่าวกันทุกวันเรื่อยๆ เยอะมากเลย
หลายคนมีความเจ็บปวด
มีความทุกข์มาก จนอยากจะหนีปัญหา
แล้วเลือกที่จะจบชีวิตก่อนวัยอันควร
เพื่อหนีปัญหา
... แต่ปัญหาไม่ได้จบหรอกโยม
#ดวงจิตดวงสุดท้ายยึดโยงอยู่กับอารมณ์ใด
#เมื่อละจากโลกนั้นไป
#จิตก็จะติดอยู่กับอารมณ์นั้นเอง
ถ้าตายไปกับความเศร้า...
จิตก็อยู่กับความเศร้า
แต่ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่
เรายังมีโอกาสหลุดออกมา
แต่ถ้าตายแบบนั้น
โยมจะติดอารมณ์อยู่อย่างนั้นไปนานเลย
ภพภูมิสัมภเวสี...
ก็เหมือนความฝัน ติดอยู่อย่างนั้น
จนกว่าจะตื่นขึ้นมาแล้วหลุดออกไป
ยังไม่ได้ไปวงจรสุคติภูมิ หรือทุคติภูมิด้วย
มันติดค้าง เป็นมิติที่ซ้อนเหลื่อม
อยู่กับภพภูมิมนุษย์ ..ใกล้เคียงกันมาก
ซึ่งตรงนี้ จะเกี่ยวกับเรื่องพันธะยึดโยงต่างๆมาก
คือจิตที่ติดอยู่ ไม่ได้ผุด ไม่ได้ไปเกิดนั่นแหละ
แต่ติดอยู่ตรงนี้ มันจะเยอะมาก
อย่างสนามรบ หรืออะไรก็ตามที่จิตมันยึดติดอยู่
ก็ติดอยู่อย่างนั้นแหละโยม
... แล้วติดกันมานาน
โยมเคยฝันร้ายไหม? แต่มันไม่ตื่นสักที
ติดอยู่อย่างนั้นไปตลอด
กว่าจะได้หลุดมาก็ไม่รู้เมื่อไหร่
นั่นคือสภาวะของมิติ ในภพสัมภเวสี
แต่ถ้าคนฝึกสติปัฏฐานน่ะโยม
มันหลุดได้.. มันตื่นได้
โยมว่าสำคัญไหมล่ะ ดวงจิตดวงสุดท้าย?
#แต่ถ้าโยมฝึกสติปัฏฐานมันพลิกได้เลย
#พลิกเป็นวิหารธรรมที่ตื่นรู้ได้เลย
เพราะฉะนั้นการฝึกสติปัฏฐาน
จะเปลี่ยนจากจิตที่เศร้าหมอง
เป็นจิตที่ผ่องใสได้
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
"เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้
เมื่อจิตผ่องใส สุคติเป็นอันหวังได้"
แล้วในแต่ละวัน ถ้าโยมไม่ฝึกสติปัฏฐาน
เรื่องเยอะไหมในชีวิต?
ถ้าโยมปล่อยใจให้เศร้าหมอง
แล้วถ้าเราตายในขณะนั้นน่ะ
มันคุ้มกันไหมโยม ?
ชีวิตหลังความตายหนักกว่ามาก
ถ้าเราปล่อยใจให้เศร้าหมอง
และมันยาวนานกว่ามาก
แต่ถ้าเราฝึกสติปัฏฐาน สามารถพลิกได้โยม
เปลี่ยนจิตเศร้าหมอง
กลายไปเป็นใจที่ผ่องใสได้
เพราะฉะนั้น...
เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญ
จะเป็นประโยชน์เกื้อกูล
ทั้งในภพปัจจุบัน และสัมปรายภพนะ
.
.
โดย พระมหาวรพรต กิตติวโร
8 พฤศจิกายน 2563
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น