วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2565

อดีต คือ...สิ่งที่ผ่านไปแล้วเราไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

อดีต คือ...สิ่งที่ผ่านไปแล้ว
เราไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
อนาคต ก็คือ...สิ่งที่ยังมาไม่ถึง
และมันคือผล คือแรงส่งจากอดีตต่างหาก

สิ่งที่เราทำได้ก็ คือ ปัจจุบันธรรม
วิถีพระพุทธศาสนา วิถีของธรรมชาตินั้น
เป็นวิถีของ...ปัจจุบันธรรม

ทุกอย่างเกิดที่ใจ ก็จบที่ใจ
..ที่นี่ ..เดี๋ยวนี้
ไม่ใช่.. อดีต ไม่ใช่..อนาคต
แต่เป็น...ปัจจุบันธรรม ในทุก ๆ ขณะจิตต่างหาก
ดึงกลับมาอยู่กับปัจจุบันธรรม ให้ต่อเนื่องกันไป

สังเกตชีวิตคนเราน่ะ 
มันอยู่กับปัจจุบันน้อยมาก
เดี๋ยวมันก็ไหลไปกับอดีต หลงไปกับอนาคต
หลงไปกับสิ่งสมมติมายาต่าง ๆ

คอยดึงกลับ
เคารพต่อวาระของธรรมชาติ
อยู่ด้วยความไม่กระวนกระวาย
อยู่กับปัจจุบันธรรมให้ต่อเนื่องกันไป

ใหม่ ๆ เนี่ย อยู่ได้เป็นเส้นประ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ
ฝึกไปมาก ๆ เข้า จนสามารถ
อยู่กับปัจจุบันธรรม ได้เป็นเส้นตรงเลย
วิหารธรรม ก็คือ ปัจจุบันธรรม
อยู่กับปัจจุบันธรรมให้ต่อเนื่องกันไป
เรียนรู้...ยอมรับ ทุกสรรพสิ่งก็เป็นเช่นนั้นเอง

แล้วใจเรามันจะวางได้มาก
จะไม่ไปติดข้องกับสิ่งใด ๆ ทั้งปวง
วัฏสงสารเป็นเรื่องของความมี ความเป็น
เป็นเรื่องของความหลงไปกับสมมติมายา

แต่ธรรมชาติที่พ้นออกไป คือ ความไม่มี
การที่จะคืนสู่ความไม่มี หรือความบริสุทธิ์นั้น
ก็คือ การที่เราพร้อมที่จะ
ปล่อยทุกอย่าง วางทุกอย่างลง
ไม่ติดข้องกับสิ่งใด ๆ ทั้งปวงนั่นเอง

ก็เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายก็จะได้เรียนรู้
แล้วมันจะวางสิ่งต่าง ๆ ลงได้มาก
ไม่งั้นมันติดข้องอยู่ในใจเรามาก

ทำไม? ...เราอย่างนั้นอย่างนี้
ยอมรับทุกอย่าง ตามเหตุตามปัจจัย
หน้าที่ของเราคืออยู่กับปัจจุบันธรรม
...สร้างเหตุที่ถูกต้อง

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า...
" อริยมรรคมีองค์ 8 คือ
ปฏิปทาเพื่อความดับไม่เหลือแห่งกรรม "

การที่เราจะจบทุกเรื่องราวได้
ก็ด้วยการเดินตามมรรควิธีที่ถูกต้อง
อยู่กับปัจจุบันธรรมให้ต่อเนื่องกัน
เรียกว่า สร้างเหตุที่ถูกต้อง

เมื่อเหตุถูก ผลย่อมถูกต้อง
มันเป็นสัจธรรมอยู่แล้ว

เหมือนเราปลูกต้นไม้
เราก็เพียงแค่รดน้ำพรวนดิน..ดูแล
ปลูกในพื้นที่ดินที่เหมาะสม
ดูแลสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ต้นไม้เขาก็ค่อย ๆ เติบโต
แล้วผลิบานออกมาตามธรรมชาติ
เขาก็ไม่ได้เติบโตตามใจของเรา
เราอยากจะให้มันเร่งวันเร่งคืน
ให้มันโตเร็ว มันก็ไม่ได้เป็นไปตามใจของเรา
มันเป็นไปตามธรรมชาติ

แต่ถามว่า...ถ้าเราไม่ปลูก ไม่ดูแล
จะเกิดขึ้นไหมล่ะ?
ผลมันเกิดจากการที่เราสร้างเหตุ
หน้าที่ของเราก็คือ แค่การสร้างเหตุ
แต่ผลเนี่ย...วางใจให้ถูกว่า
มันเป็นเรื่องของธรรมชาติ
มันมีเหตุปัจจัย มีองค์ประกอบแวดล้อมอีกมาก
.

ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
19 กุมภาพันธ์ 2565

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น