เห็นอยู่ที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก
#ด้วยสติคือความกำหนด
#อาการที่ยกจิตขึ้นสู่ลมหายใจเข้าออก
#กำหนดอยู่ด้วยสติ
#หายใจเข้าก็ให้รู้ #หายใจออกก็ให้รู้
#ดั่งนี้เรียกว่าวิตกคือความตรึก
#ต้องใช้วิตกคือความตรึกนี้ #ตรึกถึงสมาธิ
#คือตรึกถึงอารมณ์ของสมาธิ
#แต่ไม่ตรึกนึกคิดไปในเรื่องอื่นตั้งแต่ในเริ่มต้น
อันนี้แหละเป็นตัวบริกัมมภาวนา คือการภาวนาที่เป็นการปฏิบัติเบื้องต้น ต้องมีการกระทำโดยรอบ"
"๑ #วิตก #ความยกจิตขึ้นสู่อารมณ์กรรมฐาน
ซึ่งเราแปลกันทั่วไปว่าความตรึก แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความตรึกนึกคิดทั่วไป แต่หมายถึงความตรึกนึกกำหนดในอารมณ์ของกรรมฐานเท่านั้น
๒ #วิจาร #ความตรอง ที่แปลกันทั่วไปว่าความตรอง
#แต่สำหรับสมาธิหมายถึงความประคองจิตไว้ในอารมณ์ของกรรมฐาน
#คือให้ตรึกนึกกำหนดอยู่จำเพาะอารมณ์ของกรรมฐานเท่านั้น
#ความที่คอยประคองจิตไว้ดั่งนี้เรียกว่าวิจาร
ซึ่งมักแปลกันทั่วไปว่าความตรอง แต่ไม่ได้หมายความถึงความตรองเรื่องอะไรต่ออะไร
๓ #ปีติ #ความอิ่มใจดูดดื่มใจ
๔ #สุข #ความสบายกายความสบายใจ และ
๕ #เอกัคคตา #ความที่จิตมีอารมณ์อันเดียว
ซึ่งเป็นลักษณะของสมาธิโดยตรง เพราะสมาธิโดยตรงนั้นจะต้องมีเอกัคคตา คือความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียว หรือความมีอารมณ์เป็นอันเดียวกันของจิต
#เรียกว่าเอกัคคตาเป็นลักษณะของสมาธิทั่วไป"
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
.....
เวทนานุปัสสนา(ปฏิจจสมุปบาท)
จิตเพียงแต่รู้ ว่านี่ปีติ นี่สุข แต่ไม่ยึด ไม่ติดในปีติในสุข #และให้รู้ว่าปีติสุขก็เป็นสิ่งเกิดดับไปทุกขณะจิต
ไม่ตั้งอยู่ยั่งยืน แต่ว่าบังเกิดขึ้นต่อเนื่องทุกขณะจิต จึงเหมือนอย่างยืดยาว แต่ความจริงนั้นปีติสุขบังเกิดขึ้นทุกขณะจิต ขณะจิตหนึ่งก็ปีติสุขหนึ่งไปพร้อมกัน แต่ว่าต่อๆ ๆ กันไปโดยรวดเร็ว จึงเหมือนเป็นอันเดียวกัน ให้
#รู้จักว่าปีติสุขเป็นสิ่งที่เกิดดับ
เพื่อไม่ให้ปีติสุขปรุงจิตดังกล่าว ปีติสุขก็จะไม่ปรุงจิต
#แต่จะเกิดขึ้นและดับไปตามธรรมดาของปีติสุขเอง
ก็ปล่อยให้ปีติสุขเป็นไป ไม่ต้องคิดดับปีติ ไม่ต้องคิดดับสุข ให้ปีติสุขเกิดขึ้นนั่นแหละ ไปตามธรรมดาของปีติสุข
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น