วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565

ฤทธิ์ของบุญ

.
คนผู้มีบุญมีกุศลมีธรรมภายในใจไปไหนไม่จนตรอกจนมุม ไม่ว่าหลับตื่นลืมตาไม่วิตกวิจารณ์ ไม่มีเงินสักสตางค์ก็ไม่ตกใจ เพราะหัวใจเราเต็มตื้นด้วยอรรถด้วยธรรมซึ่งเป็นของเลิศเลอกว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แล้ว เราให้ได้ ที่เหมาะสมก็ให้ได้ทั้งสองนั่นแหละ
.
เรามีมากมีน้อยแบ่งสันปันส่วน แบ่งกินแบ่งทาน นี่คือทางของศาสดาทางพ้นทุกข์ ไม่ได้มีแต่ของเรายึดมากินเฉยๆ กินแล้วตายจมไปเลย ผู้มีธรรมในใจนี้ ท่านไม่ได้กล่าวไว้ว่า ผู้มีธรรมในใจ ผู้ทำบุญให้ทานมากๆ ตายแล้วไปเป็นความล่มจม เราไม่เคยเห็น ถึงจะจมก็ตาม อย่างอนาถบิณฑกเศรษฐีให้ทานกับพระพุทธเจ้าจนจะหมดเนื้อหมดตัว ชาวบ้านชาวเมืองเขาเป็นห่วงเป็นใยเขามาว่าให้ ทางนั้นไม่ถอยๆๆ ให้ทานไม่ถอย จึงเรียกว่า อนาถบิณฑิก อนาถา คือว่าเศรษฐีคนนี้ทานจนเป็นอนาถา อนาถบิณฑิกเศรษฐีให้ทานทุกอย่างๆ ตกลงในศีลในธรรมในศาสนาทั้งนั้น จนประชาชนทั้งหลายเขาเป็นห่วงเป็นใยมาขอร้องให้ผ่อน ไม่ผ่อนๆ ว่างั้นเลย
.
ซัดไปๆ เกิดดลบันดาลเงินไม่ทราบมาจากทิศไหนแดนฟ้าอากาศมา ก็เลยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นด้วยการให้ทาน ที่เขาว่าท่านเป็นอนาถะ เห็นไหมบุญ ฤทธิ์ของบุญ ทีแรกเป็นอนาถาจนชาวบ้านเขาเป็นห่วงเป็นใย ฟาดที่สองมานี่เป็นเศรษฐีปิดท้ายเลย เข้าใจไหมล่ะ อนาถบิณฑิกะ เป็นอนาถาตอนต้น อำนาจแห่งทานดลบันดาลนี้ฟาดเป็น อนาถบิณฑิกเศรษฐี ขึ้นท้ายเลย (สาธุ) นี่ละให้ฟังเอาเป็นตัวอย่าง นี้เป็นอุปถัมภ์อุปัฏฐากของพระพุทธเจ้าเรื่อยมา เพราะฉะนั้นจึงว่าการทำบุญให้ทาน เราอย่าไปกลัวเลยว่าจะล่มจะจม ไม่จม เอ้าให้มันจมไปเถอะ มันไม่จมแหละ

...............................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๖

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น