วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2566

อดีตชาติสมัยพระวิปัสสีพุทธเจ้า

พระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อพระปุลินปูชกเถระได้เล่าประวัติในอดีตชาติสมัยพระวิปัสสีพุทธเจ้าไว้ว่า เราขนเอาทรายเก่าที่โคนต้นโพธิ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ออกทิ้ง แล้วเกลี่ยทรายอันสะอาดไว้ ทรายนั้นขาวเสมือนกับเกล็ดแก้วมุกดาใหม่ ๆ บุญส่งผลให้เราไปเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติในวิมานทองสูงหลายโยชน์ รุ่งโรจน์ไปด้วยแก้วอันเป็นทิพย์ (ต้นโพธิ์ที่พระวิปัสสีพุทธเจ้าประทับตรัสรู้ คือ ต้นแคฝอย)

ในกัปที่ 91 จากกัปนี้ เราได้ถวายทรายใด ด้วยผลการถวายทรายนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย (คือ ไม่ไปนรก ไม่ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย และสัตว์ดิรัจฉาน) นี้เป็นผลแห่งการถวายทราย ในกัปที่ 53 จากกัปนี้ เราได้เป็นกษัตริย์คือเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ มีกำลังมาก มีพระนามว่า มหาปุลินะ (พระเจ้าจักรพรรดิ คือ กษัตริย์ผู้ปกครองทวีปทั้ง 4)

ในพุทธกาลนี้ เราเกิดในตระกูลหนึ่งที่สมบูรณ์ด้วยสมบัติ เจริญวัยแล้วเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงออกบวชแล้วเจริญวิปัสสนาและได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6 (คุณธรรมและคุณวิเศษของพระอรหันต์) เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว  

คำอธิบาย และแหล่งอ้างอิง

1. หากเราไม่ได้เจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้พบพระอริยสงฆ์ แต่ได้พบพระพุทธศาสนา ก็ให้ทำบุญกับพระภิกษุผู้มีศีลผู้ปฏิบัติดี ทำบุญกับวัด หรือ ให้ทำบุญ "สังฆทาน" เพราะได้บุญมากแม้ยุคนี้พระภิกษุส่วนใหญ่จะเป็นสมมติสงฆ์ก็ตามดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในทักษิณาวิภังคสูตรว่า "ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่ามีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้" 

สังฆทาน คือ การให้ทานแก่สงฆ์ ทำได้หลายรูปแบบ เช่น ถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน สร้างศาสนสถานถวายสงฆ์ เช่น กุฏิ ศาลาโรงฉัน อาคารปฏิบัติธรรม หรือทอดกฐิน ทอดผ้าป่า หรือขนทรายไปถวายวัด ก็ถือเป็นสังฆทานเช่นกัน 

2. บุญที่ทำให้พระปุลินปูชกเถระได้บรรลุเป็นพระอรหันต์นั้น ไม่ใช่เฉพาะบุญในชาตินั้นอย่างเดียว เป็นผลบุญรวมที่สร้างมาหลายชาติ แต่บุญนั้นท่านประทับใจจึงกล่าวไว้ในประวัติ 

3. กัป เป็นหน่วยเวลาชนิดหนึ่งซึ่งนานมาก พระพุทธเจ้าตรัสว่า "กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัปนั้นว่า เท่านี้ปี ฯลฯ หรือว่าเท่านี้ 100,000 ปี เหมือนอย่างว่า นครที่ทำด้วยเหล็ก ยาวหนึ่งโยชน์ (16 กิโลเมตร) กว้างหนึ่งโยชน์ สูงหนึ่งโยชน์ เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด บุรุษหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากนครนั้นโดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อเมล็ด เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้นถึงความสิ้นไป เพราะความพยายามนี้ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไป กัปนานอย่างนี้"

4. พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 71 หน้า 106 - 107, เล่ม 26 หน้า 515-516, เล่ม 23 หน้า 395.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น