**ดีคือ บุญ หมายถึงสภาพของจิตที่ผ่องใส ดีงาม ให้ผลเป็นความสุข**
**ชั่วคือ บาป หมายถึงสภาพของจิตที่เศร้าหมอง เร้าร้อน ให้ผลเป็นความทุกข์**
**ธรรมสองอย่างนี้เกิดที่ใจและตรงกันข้าม**
**เมื่อบุญเกิด บาปก็เกิดไม่ได้**
**เมื่อบาปเกิด บุญก็หายไป**
**พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า ถ้าทำบุญช้าไป ใจจะยินดีในบาป**
**บุญอย่างย่อ 3 อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา**
**ถ้าขยายเป็น 10 อย่าง บุญกิริยาวัตถุ 10 ได้แก่**
**1.ทานมัย** บุญสำเร็จจากการให้วัตถุเพื่อสงเคราะห์หรือบูชาแก่ผู้อื่น
**2.ศีลมัย** บุญสำเร็จจากการงดเว้นจากทุจริต หรือประพฤติสุจริตทางกาย วาจา
**3. ภาวนามัย ** บุญสำเร็จจากการอบรมจิตให้สงบจากกิเลส (สมถภาวนา) และการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลสทั้งปวง(วิปัสสนาภาวนา)
**4 .อปจายนมัย **บุญสำเร็จจากการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน
**5.เวยยาวัจจมัย **บุญสำเร็จจากการขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น
**6.ปัตติทานมัย **บุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
**7.ปัตตานุโมทนามัย** บุญสำเร็จจากการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว
**8.ธัมมัสสวนมัย** บุญสำเร็จจากการฟังพระสัทธรรม
**9.ธัมมเทสนามัย ** บุญสำเร็จจากการแสดงพระสัทธรรม
**10.ทิฏฐุชุกรรม **การกระทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามความเป็นจริง
#พระไตรปิฎก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น