วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2566

อทิสสมานกาย เรากับร่างกาย

👑เรากับร่างกาย👑
     ร่างกายกับเราไม่ใช่คนคนเดียวกัน เรา ในภาษาบาลีเรียกว่า จิต แต่นักปฏิบัติที่ได้ทิพจักขุญาณ เขาเรียกว่า อทิสสมานกาย

    ☆☆ร่างกาย ต้องแก่ ต้องป่วย ร่างกายเป็น โรคะนิทธัง เป็นรังของโรค ปะภังคุนัง ต้องเปื่อยเน่าเป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ร่างกายจะตายก็ดี มันตายเมื่อไรเราสบายเมื่อนั้น นั่นหมายถึง นิพพาน นะ
    เราก็มีจิตวางเฉยในร่างกาย ยึดอารมณ์อรหันต์ มันจะแก่มันจะป่วยก็เป็นเรื่องของมัน ต้องวางเฉยในมัน ถ้ามันจะตายน่ะดี ใครด่าใครจะว่าก็วางเฉย เราไปนิพพาน เราพอใจในนิพพาน ความทุกข์ในร่างกายก็ไม่มี

    ☆☆อทิสสมานกาย แปลว่า ร่างกายที่ไม่สามารถจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า อย่างบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทที่ได้มโนมยิทธิ ขึ้นไปบนสวรรค์ก็ดี พรหมโลกก็ดี ไปนิพพานก็ตาม หรือไปไหนก็ตาม ไอ้ตัวนั้นมันไป ร่างกายที่เป็นเนื้อมันไม่ได้ไปด้วย ตัวนั้นจริงๆ คือ "เรา" เราคือจิตหรืออทิสสมานกาย

    ร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ร่างกายไม่มีในเรา เราไม่มีในร่างกาย เราไม่สามารถบังคับร่างกายได้ ร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ รวมกันขึ้นเป็นร่างกาย แล้วก็มีอาการ ๓๒ เมื่อถึงวาระที่มันจะตายเราก็บังคับมันไม่ได้ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ก่อนจะตายต้องเตรียมพร้อมเพื่อนิพพาน

    ☆☆เราคือใคร?
    พระพุทธเจ้าสอนว่า เรานี่ไม่มีใครหรอก มีเราคนเดียวเท่านั้นในโลกนี้ บอกว่า มีพ่อ มีแม่ มีพี่ มีน้อง มีผัว มีเมีย มีลูก มีหลาน นั้นจริงตามสมมติ แต่เนื้อแท้จริงๆ ไม่มี เราคนเดียว เราหิวไม่มีใครเขามาหิวด้วย เราป่วยเราก็ป่วยคนเดียว เพื่อนฝูงญาติพี่น้องข้าทาสหญิงชายเขามาเยี่ยมเป็นกลุ่ม เขาไม่ยักป่วยพร้อมกับเราด้วย ก็คือเราป่วยคนเดียว เวลาตายก็ตายคนเดียว
    แล้วร่างกาย เรือนร่างที่เราอาศัยชั่วคราว เป็นบ้านเช่าเท่านั้น มันก็ไม่ใช่เรา 

    "เรา" คือจิตที่สถิตอยู่ในบ้านหลังนี้คือร่างกาย ร่างกายมันจะมีขึ้นมาได้ก็เพราะอาศัยเหตุปัจจัย "ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธเจ้าตรัสเหตุของธรรมนั้น" 
    ☆ความเกิดมันจะปรากฏขึ้นมาได้ก็อาศัย กิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรม☆

    🍁จิต กับ วิญญาณ หนังสือที่เขียน เขียนเคล้ากัน บางทีเอาเรื่องของจิตไปเขียนกับวิญญาณความจริงจิตกับวิญญาณควรจะแยกกันออก

    จิตมีสภาพคิด วิญญาณคือความรู้สึก สมัยนี้เราเรียก "ประสาท" ไอ้ตัววิญญาณมันตายไปพร้อมกับร่างกายที่ตาย จิตไม่ได้ตายไปด้วย จิตไปสู่ภพต่างๆ ตามบุญบาปของเรา ถ้าบาปเกาะจิต จิตก็ไปนรกก่อน สู่อบายภูมิก่อน ถ้าบุญเกาะจิต จิตก็ไปสวรรค์ ไปพรหม ไปนิพพาน ต่างกันตรงนี้นะ

    ⚪️เรา ก็คือ จิต ที่เรียกว่า อทิสสมานกาย คือเข้าไปสิงอยู่ในกายเนื้อนี้ กายประเภทนี้เราจะรู้ได้ด้วยอาการฝัน การที่เราฝัน เรานอนอยู่ตรงนี้แต่ทว่าไปโน่นไปนี่ ไปนั่นไปไหนก็ไป พอถึงเวลาตื่นขึ้นมา อารมณ์อย่างนั้นมันกลับมาสู่กาย ถ้ารู้สึกว่าหนีใครเขามา กายที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมามันจะเหนื่อย
    เป็นอันว่า อทิสสมานกาย ที่เราเรียกกันว่า จิต คือ กายที่เราฝันนั่นแหละที่เราไม่สามารถจะได้เจโตปริยญาณ ทิพจักขุญาณ แต่รู้ได้ภายในคือกายที่เราฝัน เราฝันไปท่องเที่ยว ไปไม่ได้เอากายเนื้อไปด้วย มีความรู้สึกเหมือนเราไปในฝัน 

    ฉะนั้น อทิสสมานกาย คือกายในนี้ ถ้ากายนอกพังเมื่อไร มันก็ต้องไป ไปไหน ถ้าจิตสกปรกก็ไปนรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ถ้าจิตสะอาดเล็กน้อยก็ไปสู่สวรรค์ชั้นกามาวจร ถ้าจิตมีอารมณ์ตั้งมั่น ก็ไปพรหม ถ้าเป็นจิตสะอาดที่ไม่มีความชั่วสักนิดเจือปนก็ไปพระนิพพาน

📖 หนังสือ พ่อสอนลูก หน้า ๒๖๓-๒๖๔
🖊ปัณณ์ธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น