วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566

พระพันปีหลวงทรงพระโสดาบัน

⚜️ #พระพันปีหลวงทรงพระโสดาบัน⚜️
✴️ ก็เล่าถึงนิมิตว่า ก่อนจะไปมีนิมิตเกิดขึ้นอันหนึ่ง คือว่าก่อนที่จะลงกรรมฐาน สอนกรรมฐานคืนนั้นคืนแรก ตอนทุ่มหนึ่งพอใจสบาย ก็เห็นท่อน้ำแป๊ปที่เราต่อไว้ แต่ว่ามันมีน้ำใสท่วม ท่วมขึ้นมาสูง แต่น้ำนี่ใสมากและท่อแป๊ปก็ขาด ท่อแป๊ปมันขาดออกไปแต่มันไม่สลายตัว มันขาด มันห่างกันไปนิด ฉันเห็นฉันก็นิ่งเสีย ฉันก็ไม่ตีความหมายพยากรณ์นิมิต

✴️ ทีนี้ต่อมาตอนเช้ามืด ลุกขึ้นมาจงกรมตอนตี 3 กว่าๆ #ก็จงกรมเดินไปเดินมาก็เห็นสมเด็จองค์ปฐมท่านมา ท่านก็ถาม

“นิมิตตอนหัวค่ำเธอรู้ไหมว่าเป็นเรื่องอะไร...?”

ก็เลยบอก “เรื่องอะไรข้าพระพุทธเจ้าจะยุ่งกับนิมิต”

บอก “บ๊ะ ! ฉันบอกเรื่องนิมิต เธอไม่คิดมั่งเลย”

บอกว่า “ข้าพระพุทธเจ้าไม่คิด เรื่องอะไร ถ้าจะบอกก็บอกตรงๆ มานั่งคิดเรื่องนิมิตก็ปวดหัวตาย เดี๋ยวก็มีนิมิตอย่างโน้นเดี๋ยวก็มีนิมิตอย่างนี้ ไม่เอาด้วย นิมิตนี่ไม่เอา”

✴️ ท่านก็เลยบอกว่า “#การไปคราวนี้มีคนหนึ่งนะ #มีอารมณ์เข้าถึงพระโสดาบัน”
ฮึ! ท่านบอกนะ

บอก “น้ำใสนั้นแสดงว่าน้ำใจบริสุทธิ์ มีอารมณ์เป็นกุศล ไอ้ท่อแป๊ปที่มันขาด แต่ขาดมันไม่ละลาย ขาดห่างออกไป แต่แป๊ปนี่มันเป็นเหล็ก ถ้ามันจะกลับเข้ามาชนกัน มันก็เนื้อไม่ติดกันตามเดิม ก็แสดงว่าคนผู้นั้นเข้าถึงโลกุตตรธรรมและก็เป็นโลกุตตรธรรมเบื้องต้น”

⚜️และถามท่านว่า “ใคร...?”

“#ก็จะเป็นใคร #ก็พระราชินีเจ้าภาพแกนี่”

✴️ #ท่านบอกไปเลย ท่านบอก ก็เลยเล่าให้ท่านฟัง บอกนี่พระท่านว่างี้ เชื่อก็เชื่อไม่เชื่อก็แล้วไป จริงก็ช่างไม่จริงก็ช่าง ก็ตอบเล่าเรื่องนิมิต แล้วท่านก็สงสัย พระราชินีท่านก็นั่งนึก บอก “เอ๊ะ ! คนอย่างฉันจะเป็นพระโสดาบันได้หรือ...?”

ก็เลยเรียนถามท่าน บอกว่า “แล้วคนประเภทไหนที่เขาเป็นพระโสดาบันได้...?”

✴️“คนที่เป็นพระโสดาบันได้ก็คือ มีอาการ 32 มีสติสัมปชัญญะดี มีจิตน้อมไปในกุศล”

🙍ท่านก็ถามว่า “พระโสดาบัน องค์พระโสดาบันมีอะไรบ้าง...?”

🤵ในหลวงบอก “เอ๊ะ! ฟังอยู่ทุกวันน่ะ” (หัวเราะ) ตอนนี้ขู่ ฟังทุกวัน

🙍ท่านบอก “ฉันก็อยากจะขอความมั่นใจ”

⚜️ก็เลยทูลท่าน บอกว่า

✴️“พระโสดาบันมี 3 ขั้น เอกพิชี โกลังโกละ สัตตักขัตตุปรมะ แต่ว่าจะเป็นขั้นไหนก็ตาม นั่นก็คือ

🙏1. มีความเคารพในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อมันมีความเลื่อมใส มีจิตน้อมนึกมั่นคง

🙏ประการที่ 2 มีศีลบริสุทธิ์

🙏ประการที่ 3 มีอารมณ์หยั่งพระนิพพาน”

ท่านก็นั่งนึก คงจะนึกไล่เบี้ยไปเอง “เอ๊ะ! ถ้าอย่างนี้ฉันก็คงจะมีแล้ว”

🤵ในหลวงบอก แหม...ฉันไม่นึกว่าเธอจะซื่อขนาดนี้เลย (หัวเราะ) ทะเลาะกัน วันนั้นรู้สึกครื้นเครงมาก พวกชาววังดีใจมาก ตอนเช้ามาเล่าให้ฟังดีใจ บอก แหม...หลวงพ่อมารู้สึกว่า ในหลวงรู้สึกพระพักตร์สดชื่น เจอะหน้าใครก็ยิ้มตลอด เวลาตอนเช้าพวกเขาก็ว่า ตามปกติเห็นท่าน พระพักตร์ท่านเครียดตลอดเวลา

🤵บอก “ฉันไม่นึกว่าเธอจะซื่ออย่างนี้เลย ความจริงฉันนึกมานานแล้วว่า อันนี้เธอทำได้แล้ว แต่ฉันขี้เกียจพูด ฉันก็ไม่อยากพูด ฉันก็ไม่แน่ใจ ฉันรอถามหลวงพ่อเหมือนกัน นี่เธอถามเสียก่อน”

✴️ โดยมากถ้ามีปัญหาแล้ว พระราชินีท่านชิงถามก่อน 

🙍พระราชินีท่านก็รู้สึกว่า ท่านถามมาอีกทีบอกว่า “#ถ้าจะทำให้มั่นคงนี่”

⚜️ บอกว่า “#มีอันเดียว #คือว่าใช้อุปสมานุสสติเป็นปกติ (ระลึกถึงพระนิพพาน) แต่ว่าที่พูดเมื่อกี้นี้ ขอพระองค์อย่าทรงคิดว่าอาตมาพยากรณ์ #นี่เป็นที่อาตมานิมิตไปแล้วพระท่านมาพูดแบบนั้น อาตมาไม่มีสิทธิ์ในการพยากรณ์ว่าใครจะเป็นพระอริยเจ้าขั้นไหน”

✴️ ท่านบอกท่านรับทราบ ดีไม่ดีท่านไปเล่าให้ชาวบ้านหาว่าเราพยากรณ์ ซวยใช่ไหม ท่านบอกท่านบันทึกเทปไว้ทั้งหมด ในหลวงบอก ไม่เป็นไรหลวงพ่อ ผมบันทึกไว้หมดแล้ว ใครก็ว่าไม่ได้ หลวงพ่อก็พูดตามนิมิต อันนี้รู้สึกท่านบันทึกไว้หลายเทป เท่าไรรู้ไหม 5 ชั่วโมง เศษเท่าไรก็ไม่รู้ ก็ 5 คาสเซทกว่าน่ะ คุยกันไปท่านก็บันทึก ท่านขออนุญาตบันทึก

เอ๊ะ ! คุยๆไป 
🙍พระราชินีตรัสถามว่า “ประเทศลาวนี่จะกลับเป็นอิสรภาพได้ไหม...?”

✴️ นั่น ! เอาเข้านั่น พระเจ้าแผ่นดินมองหน้าว่า นี่เธอถามยังไง วันนี้เราคุยธรรมะกัน พระราชินีบอก อันนี้ก็ธรรมะเหมือนกัน ฉันสงสารเขานี่ ฉันสงสารเขา ฉันก็มีพรหมวิหาร 4 (หัวเราะ) ฉันก็สงสารเขานี่ ฉันเห็นเขาลำบากฉันก็สงสารเขา

⚜️ก็เลยบอกว่า “ประเทศลาวมีโอกาสเป็นอิสรภาพตามเดิม แต่ว่าต้องขอเวลานิดหน่อย แต่ไอ้ไข้กว่าจะหายนี่ต้องฉีดยากันบ้าง ผ่าตัดกันบ้าง อาจจะต้องแหลกลาญกันไปบ้างชั่วขณะหนึ่ง”

🙍ท่านก็หันมาถามว่า “ประเทศไทย”

⚜️บอก “#ประเทศไทยก็ไม่เป็นไร #แต่ว่าต้องผ่าตัดกัน #คำว่าผ่าตัดก็หมายถึงว่า #ต้องผ่าตัดทั้งภายในและผ่าตัดทั้งภายนอก”

✴️ ท่านก็พอใจ ท่านเชื่อเพราะว่า ท่านหญิงวิภาวดีเคยเล่าอะไรให้ฟัง บอกว่าถ้าหลวงพ่อพูดเล่นๆล่ะก็ ต้องรับฟัง บอกว่าถ้าหลวงพ่อพูดเล่นๆล่ะก็ ต้องรับฟังด้วยนะ เพราะเสียท่ามาสองหนแล้ว อีตอนรัฐบาลเสนีย์น่ะท่านถามว่า รัฐบาลนี้จะอยู่ไปได้นานไหม บอก ไม่เกิน 5 วันไป นี่ 3 วันไปนะ

✴️ และตอนที่ไปสุโขทัย วันนั้นได้สตังค์แปดหมื่นเศษ ท่านก็บอกว่า หลวงพ่อไปที่พระรูปพระเจ้ารามคำแหง เลยบอกว่าไม่ดันไม่ไป ถ้ายังไม่ถึงแสนไม่ลุก ไม่ยอมลุกจากที่ อีก 10 นาทีกว่าๆ ก็ได้แสน ครบแสน ท่านก็เลยวิทยุไปกราบทูลในหลวง
พระราชินี

🙍ท่านก็เลยบอกว่า #ท่านหญิงวิภาวดีเคยบอกไว้ #ถ้าหลวงพ่อพูดเล่นๆ #หัวเราะล่ะก็ #ต้องรับฟังไว้ด้วยนะ แล้วท่านก็เลยบอกว่า เอ๊ะ ! มันก็จริงมาทุกอย่างที่รับฟังมา อันนี้ฉันเชื่อ บอกว่า เชื่อก็... ฟังอาตมาแล้วก็ฟังคนอื่นด้วย พระเจ้าแผ่นดินก็เลยบอก เอ๊ะ ! หมอดูหลายคนเขาก็ว่ายังงั้น ว่า 3-4 ปีข้างหน้าบ้านเมืองจะเรียบร้อยและมีความสงบสุข ว่าคำพยากรณ์ของหลวงพ่อคงจะจริง

⚜️เลยบอกว่า “#อาตมาไม่ได้พยากรณ์เอง #อาศัยพุทธพยากรณ์กับคำพยากรณ์พระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยา”

🤵ตอนนี้พระเจ้าแผ่นดินก็ตรัสบอกว่า #ข่าวเขาจะลอบฆ่าผมกับพระราชินีทั้งสองคนมีมาตลอดเวลา ที่นักศึกษาฝ่ายซ้ายอันนี้ฉันได้ยินข่าวมานานแล้วเหมือนกัน และก็ทางตำรวจตระเวนชายแดนเขาก็แจ้งข่าวกันไปทั่ว ให้ป้องกันพระองค์อย่างหนักและราชวงศ์

✴️ และก็ตอนที่แล้วมาท่านเสด็จไปที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีข่าวว่านักศึกษาญวณลูกญวณที่มาเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยน่ะ สองคนมันจะฆ่า ที่รู้ได้เพราะรู้ได้จากตอนนั้น มันไปลาพ่อลาแม่ว่า วันนี้อาจจะไม่ได้กลับและขอลาว่าตามแผน

✴️ ในเมื่อพระองค์พระราชทานปริญญาบัตร พอถึงจังหวะเขาสองคนจะเข้าประหารพระเจ้าแผ่นดินกับพระราชินีทันที และพร้อมกันนั้นเขาอาจจะตาย เขาพร้อมที่จะตาย

🤵ท่านบอกท่านได้ยินข่าว และก็ผมก็ไป 
⚜️ ถามว่า ทำไมจึงไป 

🤵บอก #ถ้าไม่ไป #เราก็เป็นผู้แพ้ #เราต้องไปในที่ทุกสถานที่เขาจะฆ่าเรา #เราจึงจะไม่เป็นผู้แพ้ ดีไม่ดีข่าวนี้อาจจะปล่อยข่าวเฉยๆ #พอเราไม่ไปเขาจะหาว่าเราขี้ขลาด #ก็เป็นอันว่าพระเจ้าแผ่นดินขลาดซะคนเดียว #คนทั้งประเทศก็ต้องพลอยขลาดด้วย

✴️ นี่น่ะ...น้ำใจของพระองค์เป็นยังไง !

พอถึงตรงนี้ 
🙍พระราชินีก็เลยถามว่า “พระเจ้าอยู่หัวก็ดี หม่อมฉันก็ดี ก็มีความเคารพในพระคุณพระราชวงศ์จักรีอยู่ตลอดเวลา ที่ท่านสามารถจะทรงความเป็นเอกราชไว้ได้ ก็อยากจะทราบว่า ทั้งสองคนนี่จะทรงชาติกับศาสนาไว้ได้ไหม จะต้องการพระศาสนาทรงตัวอยู่”

⚜️บอกว่า “ก็ได้ #ประเทศเราไม่มีเกณฑ์จะต้องตกเป็นเหยื่อของคอมมิวนิสต์”

🙍ท่านถามอีกที “ว่าฉันทั้งสองคนนี้ ทั้งพระเจ้าอยู่หัวด้วย และฉันด้วย จะต้องตายเพราะการที่เขามุ่งฆ่าไหม...?”

✴️ อีตอนนั้นเราเผลอ เผลอเลย ไม่เผลอก็ไม่รู้ เพราะว่าเวลาจะไปก็อาราธนาสมเด็จฯ ท่านไว้ บอกว่าถ้าถ้อยคำใดที่ควรจะพูด ก็ขอให้พระองค์จัดการพูดไปเอง เราไม่ได้ใช้สมองเลยนะ พอถามตรงนี้เลยไม่รู้นะพูดไปยังไง

⚜️บอกว่า “ก็ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่ เป็นนักรบฝีมือดีมาจากสุโขทัย และการมาเกิดคราวนี้ต้องการจะเกิดจรรโลงชาติให้คงอยู่ ให้ชาติมีความร่มเย็นเป็นสุข และเรื่องอะไรที่ต้องมาตายเพราะเรื่องคมอาวุธล่ะ ถ้าจะเจ็บตายเองเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องตายด้วยเรื่องคมอาวุธอันนี้ไม่มี”

✴️ ความจริงพูดกับพระเจ้าแผ่นดิน เขาไม่พูดว่าตายนะ ต้องเป็นสมเด็จใหญ่แน่ เพราะท่านคุมอยู่ใช่ไหม ท่านคุมไปตลอดเวลา พระราชินีก็ยิ้ม ก็คุยกันไปคุยกันมา และท่านก็เตือนพระเจ้าแผ่นดินว่าใช้เวลามาก ท่านบอกว่า พักทีหลวงพ่อจะเหนื่อย ใช้เวลาเข้าไป 3 ชั่วโมงกว่าแล้ว ท่านก็เตือน พระเจ้าแผ่นดินท่านก็เฉย ท่านก็คุยของท่านไปเรื่อย ไอ้เราก็ต้องคุยกับท่านนะ

✴️ แล้วพระราชินีก็เสด็จออกไปข้างนอกสักครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวเปิดประตูเข้ามา ท่านก็มาบอกว่า ลูกศิษย์หลวงพ่อที่ไม่เคยเห็นหลวงพ่อเลย คือพวกชาววัง เขาต้องการจะมานมัสการหลวงพ่อ ท่านก็เลยเปิดประตูไว้

✴️ ความจริงเรื่องนี้มันควรที่จะเป็นเรื่องของพระเจ้าแผ่นดินท่านตรัสน่ะ เราก็พูดไปเองบอกว่าก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ให้เขาเข้ามาไหว้ก็ได้นี่ ไอ้เราเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียเองน่ะตอนนั้น (หัวเราะ) มันชักจะนอกคอกไปแล้ว เห็นจะเป็นสมเด็จใหญ่ เพราะท่านคุมอยู่

🤵พระเจ้าแผ่นดินท่านหัวเราะ ท่านหันไปตรัสบอก เข้ามาๆสิ อยากจะมาไหว้หลวงพ่อเข้ามา ท่านกวักมือหัวเราะ...หัวเราะใหญ่ ไอ้เราก็นึก...พอรู้สึกตัวก็นึก เอ๊ะ ! นี่ย่องเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียเมื่อไรก็ไม่รู้นี่ เอาซะเองแล้ว เขาก็มาเขาก็กราบกราบสัก 5 นาทีเขาก็ไป และคุยกันไปคุยกันมาอีก อีกพักหนึ่ง

🙍พระราชินีบอก เลิกเหอะ หลวงพ่อท่านเหนื่อย ท่านเหนื่อยมากแล้ว นี่ตั้งแต่ 3 โมงมาถึง 2 ทุ่มกว่าแล้ว

✴️ พระเจ้าแผ่นดินท่านก็เฉย ท่านก็ว่าเรื่อย ก็คุยเรื่อยไปยังไม่จบ เรื่องท่านน่ะ ก็ไม่มีอะไร เรื่องกรรมฐานโดยเฉพาะ มาตอนหลังสมเด็จพระราชินีบอก เอายังงี้แล้วกัน เลิกเสียทีเถอะแขกเขามาคอยอยู่ข้างนอกตั้งเยอะแล้ว มันเลยเวลานัดเขาไว้ 2 ทุ่ม (หัวเราะ) ว่าแขกเขามาคอยไปเถอะ หลวงพ่อท่านก็เหนื่อยมากแล้ว

⚜️เราเลยได้จังหวะบอก ถ้างั้นอาตมาขอถวายพระพรลา ลุกมาเลย ก็ล่อเต็มที่ ! ตอนจะลุกมา บอกแหม...ผมยังไม่จบเรื่องเลย วันหลังต้องนิมนต์หลวงพ่อใหม่ ก็เลยบอกท่านบอกว่า ถ้านิมนต์ล่ะก็ ขอให้เป็นข้างนอกแบบนี้สะดวกดี ถ้าในพระราชวังในกรุงเทพฯ ไม่เป็นเรื่อง เพราะการเข้าไปลำบาก ท่านบอก ไม่เป็นไรครับ มันเป็นเรื่องของผม เรื่องของผมก็ไม่ต้องผ่านหน้าประตู ผมจะให้รถหลวงไปรับแล้วเข้ามาคุยกันตามลำพังแบบนี้

✴️ ก็เลยเดินนึกทบทวนมา ทบทวนความหลังว่า ที่วัดนี่ 45 นาทีใช่ไหม เลยเวลา ท่านมีกำหนดเวลาไว้ 15 นาที ก็ว่าเสีย 45 ไปที่สงขลาไม่มีกำหนดเวลา ว่าซะมือเลยใช่ไหม 35 นาที ไปดอยอ่างขาง 3 ชั่วโมง ไปที่ภูพิงค์ฯนี่ 5 ชั่วโมงเศษ นี้ถ้าหากว่าเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตสวนจิตรฯนี่ สงสัยจะว่ากันทั้งวันก็ไม่รู้ (หัวเราะ) นี่เอาละจบกันนะ

🖋️📚หนังสือธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 26 หน้า 55-64
⚜️พระราชพรหมยานเถระ⚜️
🙏หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง🙏

🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย⚜️
🧘จิตหนึ่งประภัสสรสุดยอดคือพระนิพพาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น