ถ้าไม่มีเรื่องสันทิฏฐิโกแล้วล้มเหลวหมด
เรื่องของธรรมะจะขาดสันทิฏฐิโกไม่ได้
สิ่งที่จะต้องสันทิฏฐิโกก่อนเรื่องอื่นนั้น
ก็คือเรื่องตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ,
เรื่องรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ธัมมารมณ์ คู่ปรับของมัน, คู่สร้างของมัน,
แล้วเกิดเป็นภาวิตญาณ เป็นผัสสะ
เป็นเวทนาอย่างไร นี้ต้องเป็นสันทิฏฐิโก.
แล้วก็เป็นเรื่องแรก ตามที่
พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า
เป็นจุดตั้งต้นของพรหมจรรย์. ในส่วน
ปริยัติก็ต้องเรียนเรื่องนี้เป็นเบื้องต้น,
ปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติเรื่องนี้เป็นเบื้องต้น,
ปฏิเวธก็ต้องได้ผลเกี่ยวกับเรื่องนี้
เป็นเรื่องแรก ; นี่สันทิฏฐิโก ที่ตา หู จมูก
ลิ้น กาย ใจ ที่จะมาสันทิฏฐิโก
กับ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สาระณัง คัจฉามิ ยากนะ,
นี้ว่าแต่ปากทั้งนั้น ยังไม่สันทิฏฐิโก
นี้ยากที่สุด. แล้วค่อยศึกษาเพิ่มเติมๆ
จนกว่าจะสันทิฏฐิโก.
เราต้องดับทุกข์ในหัวใจของเราเอง
ให้ได้เสียก่อน ; จะเห็นพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นสันทิฏฐิโก
ได้ก็ต่อเมื่อเราดับทุกข์ได้
ในจิตใจของเราเอง ;
สันทิฏฐิโกทางปริยัติ
นี้เป็นแนวบ้างเท่านั้น ;
แต่มันไม่ใช่ตัวจริง
แต่ก็ยึดไว้ก่อน
เพื่อเป็นหลัก เป็นแผนที่

พอจิตดับทุกข์ได้ รู้สึกว่าไม่มีทุกข์ทีหนึ่ง
ก็โอ้ พระพุทธเจ้า เป็นอย่างนี้
พระพุทธเจ้าองค์ไหนที่ไหนเมื่อไร
ก็เป็นอย่างนี้เอง, คือความดับทุกข์
พระสงฆ์ผู้ดับทุกข์ตามก็เป็นอย่างนี้เอง ;
เมื่อนั้นแหละ มีสันทิฏฐิโกในพระพุทธ
ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ขึ้นมา.
พุทธบริษัททุกคนแหละ
อย่าปล่อยปละละเลยในเรื่องที่จะ
ทำให้มีสันทิฏฐิโกในตัวพระธรรม
ในตัวพระศาสนา.
🪷 พุทธทาสภิกขุ
ธรรมะเล่มน้อย
หน้า ๒๙-๓๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น