เป็นทิพย์ที่ละเอียดกว่าพรหมโลก อยู่ไกลจากพรหมโลกขั้นสูงสุดไม่มากนัก เรียกว่าวัดโดยระยะของความเป็นทิพย์ และดินแดนนั้นถ้าหากว่าท่านผู้ใดไปแล้ว ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ไม่วนไปวนมา มีสภาพอยู่แน่นอน หมายความว่าเกิดในที่นั้นแล้วไม่มีการตายอีก สภาพของการเกิด ไม่มีขันธ์ ๕ อย่างมนุษย์ มีสภาพเป็นทิพย์อย่างเทวดาหรือพรหมแต่ละเอียดกว่านั้น ผ่องใสกว่านั้น สวยสดงดงามกว่านั้น มีความสุขอย่างเดียวไม่มีความทุกข์ ขึ้นชื่อว่าความขัดข้องนิดหนึ่งในอารมณ์ของจิตของท่านผู้เข้าถึงซึ่งนิพพานไม่มี
หากจะถามว่าจะรู้ได้ยังไง ตอบไม่ยาก จะรู้ได้ด้วยการปฏิบัติถึง ถ้าจะถามว่า ผู้พูดนี่ปฏิบัติถึงแล้วหรือยัง ก็ขอตอบได้อย่างไม่ยากว่า ถ้าปฏิบัติถึงเมื่อไรก็ถึงเมื่อนั้น ถ้ายังไม่ถึง มันก็ไม่ถึง แล้วเวลาพูดเอาเกณฑ์มาจากไหน ก็หนึ่ง ได้มาจากพระที่เข้าถึงมรรคผล สอง ได้มาจากคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า พระนิพพานมีสภาพไม่สูญ อย่างที่ท่านพระโมคคัลลาน์ ถามพระพุทธเจ้าว่า "พระนิพพานมีสภาพสูญใช่ไหม"
พระองค์ตอบว่า "พระนิพพานกิเลสดับ ตัณหาดับ ดับกิเลส ตัณหา และขันธ์ ๕ ได้สิ้นเชิง"
เมื่อกิเลสดับ ตัณหาดับ แล้วขันธ์ ๕ ก็ดับ อะไรมันเหลือ ถ้าฟังกันให้ดี คิดกันให้ดีแล้วจะต้องรู้ว่า จิตมันยังเหลืออยู่ จิตมันไม่ดับ ไอ้สภาพของจิต คือสิ่งที่เป็นทิพย์แท้ มันไม่ดับ มันเข้าไปสู่พระนิพพาน แล้วพระนิพพานมีตัวตนไหม ก็ตอบว่ามีตัวเป็นทิพย์ ตัวละเอียด
หนังสือ พ่อสอนลูก หน้า ๒๙๖-๒๙๗
ปัณณ์ธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น