วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแลทั่วโลก คำทำนายของอาจารย์นันทะ



คำทำนายของอาจารย์นันทะ


อาจารย์นันทะ ได้เคยกล่าวทำนายไว้มากมายหลายอย่างกับสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของ ภัยพิบัติของอนาคต ที่จะมาคร่าชีวิตของผู้คน แม้แต่ในเรื่องของสึนามึ ซึ่งตอนนั้น คนไทยแทบยังไม่รู้จัก อาจารย์นันทะ ได้มองเห็นอนาคตในอีกหลายๆอย่าง ซึ่งบางบทบางตอน ตรงกับคำทำนายของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้

สถานที่แห่งแรกในประเทศไทย ที่จะได้เผชิญกับ ลาวาร้อนจากไฟใต้โลก จะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของจังหวัดแรกในภาคอีสาน ตามรอยต่อของจังหวัด ที่ติดกันเป็นแนวยาว

เริ่มแรก จะมีลักษณะเป็น แนวแยกของแผ่นดิน คดเคี้ยวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อน จะไหลลามแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง ข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน

จากนั้น พายุที่รุนแรง จะนำน้ำมาดับไฟ ก่อให้เกิดน้ำท่วม และ โรคร้ายที่จะระบาดอย่างรุนแรง จนสุดที่จะเยียวยาได้ โดยเฉพาะ อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ที่มนุษย์เชื่อว่า ได้กำจัดหมดไปจากโลกนี้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่า มันกำลังฟักตัว และ จะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าเดิม ซึ่งสามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อได้ ในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น

ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะเริ่มตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำเอ่อขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าท่วมแผ่นดินในหลายๆ พื้นที่ พายุไซโคลนจะพัดกระหน่ำ และ จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 160 ก.ม./ชั่วโมง พัดผ่านกรุงเทพฯ ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา

ตึกแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับสะพานกลางเก่ากลางใหม่ ในย่านฝั่งธนบุรี จะพังทลายลงมา จากการโหมกระหน่ำและความบ้าคลั่งของลมพายุ มีผู้เสียในครั้งนี้ ไม่ต่ำกว่า 600 คน

ในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก ตึกสีขาว ที่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้าม จะพังทลายตามลงมา ยอดตึกที่พังทลาย จะแลเห็นโผล่เหนือน้ำ ให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา หลังคาบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อน เสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาดด้วยความรุนแรง จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน ในบริเวณใกล้เคียงอย่างเหลือคณานับ

เทือกเขาตะนาวศรี ในจังหวัดราชบุรี จะพังทลายลงมา เนื่องจาก แผ่นดินไหวที่รุนแรง ซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึง ภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทย จะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เสียงดังกึกก้องกัมปนาท ดังมาถึงกรุงเทพฯ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า

ไม่นานนัก ระเบิดลูกที่สอง และ ลูกที่สาม ก็ตามมา ลูกที่สี่ จะมีความรุนแรงอย่างถึงที่สุด ซึ่งจะสร้างความอำมหิต ให้กับ ภาคเหนือและภาคอีสาน ต่อไป

ณ บ้านกุดฉิม อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น จะเกิดภูเขาไฟแห่งที่สอง ระเบิดขึ้น มีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 คน

ที่บ้านโพธิ์ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย จะเกิดแผ่นดินไหว และ  มีลาวาร้อนจากภูเขาไฟไหลเคลื่อนตัว ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า มีผู้เสียชีวิตร่วมพันคน

เกิดภูเขาไฟระเบิด ในจังหวัดกาฬสินธุ์ อย่างกะทันหัน จนยากที่ผู้คนในบริเวณนั้น จะตั้งตัวทัน และ จะเกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด มีจำนวนเด็กผู้หญิง เสียชีวิตมากกว่าผู้ชาย

จังหวัดตรัง เกาะทุกเกาะจะจมหายไป เนื่องจาก ลมพายุที่รุนแรง และ ทะเลคลั่ง ที่กลบกลืนหมู่เกาะให้หลับลึกไปอย่างรวดเร็ว

สมุทรปราการ จะจมหายลงไปในท้องทะเลครึ่งเมือง อย่างถาวร เนื่องมาจาก ลมพายุที่โหมกระหน่ำ บวกกับน้ำทะเลหนุนสูง น้ำจะท่วมอย่างรวดเร็ว และ มีสายน้ำเปลี่ยนทิศ ไหนผ่านเมืองอย่างน่าหวาดกลัว ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากหายนะครั้งนี้ จะถูกนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่อยุ่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ในย่านสำโรง และ โรงพยาบาลแห่งนี้ จะเป็นประตูต้นทาง ของกระแสน้ำที่ไหลเปลี่ยนทิศ แต่ก็เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด ของเมืองสมุทรปราการ

เกาะสมุย จะถูกลบหายไปจากแผนที่โลก เนื่องจาก แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง และ เกิดพายุ รวมทั้งคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ จนกระทั่ง เกาะทั้งเกาะ จมหายลงไปในท้องทะเล อย่างไม่มีวันหวนกลับคืน

เกิดแผ่นดินไหว ที่ตัวเมืองบุรีรัมย์ เสียชีวิตทันที 53 คน ผู้บาดเจ็บที่เหลือจะเสียชีวิตอย่างมากมาย ในระหว่างทางไปโรงพยาบาล

เกาะปันหยี จังหวัดพังงา เกิดน้ำท่วมสูง และ พายุที่รุนแรงโหมกระหน่ำ หายสาบสูญอย่างถาวร ผู้คนเสียชีวิตทั้งเกาะ

เขื่อนบางลาง จังหวัดนราธิวาส ถูกคลื่นจากทะเลซัดกระหน่ำ จนกระทั่ง เขื่อนแตก น้ำไหลทะลักเข้าท่วมแผ่นดิน รวมทั้ง น้ำทะเลที่ถาโถมเข้าสู่แผ่นดินอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งไม่มี นราธิวาส หลงเหลืออยู่ในแผนที่โลก

บ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด จะถูกคลื่นยักษ์ไซโคลนกระหน่ำ แผ่นดินหายไม่มีเหลือ

ยะลา ถูกทะเลคลั่งโหมกระหน่ำ น้ำทะเลสูง แผ่นดินหายเหลือเพียงเกาะเล็กๆ เท่านั้น ที่จะมีชื่อเรียกใหม่ว่า เกาะยะลา

จังหวัดสงขลา น้ำท่วมสูง เกาะทุกเกาะ จมหายจะเหลือ เพียงหาดใหญ่บางส่วน ที่น้ำจะไม่ท่วมถาวร

ชลบุรี ชายฝั่งทะเลบางแสน ถูกคลื่นยักษ์ 4 – 5 เมตร ซัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนกระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พังพินาศ แต่น้ำทะเลจะไม่ท่วมถาวร

ฉะเชิงเทรา น้ำจะท่วมถึงสองฝั่งบางปะกง จนถึงฐานหลวงพ่อโสธร

กระบี่ จะถูกพายุพัดกระหน่ำ ผืนดินทางด้านตะวันออกจะหายไป ชาวประมงประมาณ 180 คน จะถูกกลืนหายไปในท้องทะเล

ชุมพร จะเผชิญพายุฝนที่รุนแรง คลื่นจัด น้ำท่วมสูง ศาลกรมกลวงชุมพร จะเหลือไว้เป็นอนุสรณ์ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์

อุทยานภูริน นางย่อง สิมิลัน จังหวัดพังงา ถูกคลื่นยักษ์ซัดหาย

ภูเก็ต ถูกพายุถล่มอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่ง เกาะหายไปจากแผนที่โลก มีผู้เสียชีวิตทันที ประมาณ 40,000 – 60,000 คน

นครศรีธรรมราช จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 คน

พังงา น้ำท่วม แผ่นดินจะถูกกลืนจมหายไปในท้องทะเล

ปัตตานี ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมทั้งจังหวัด แต่วัดช้างไห้ของหลวงปู่ทวด จะปลอดภัย รูปปั้นหลวงปู่ทวด จะแสดงปาฏิหาริย์ ลอยน้ำขวางกระแสน้ำเชื่ยว น้ำจะแห้ง วัดช้างไห้ จะกลายเป็นเกาะกลางน้ำ

เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ จะพังทลาย กระแสน้ำที่เชี่ยวกราด จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า มีผู้เสียชีวิตทันทีประมาณ 200 คน เกิดภูเขาไฟระเบิดอย่างถึกก้องกัมปนาท ที่ จังหวัดอุตรดิตถ์

กาญจนบุรี เขื่อนศรีนครินทร์ จะมีปัญหา น้ำไหลอ้อมเขื่อน ท่วมด้านล่าง เสียหายบางส่วน รวมทั้งน้ำท่วมสูง แผ่นดินหายถาวรครึ่งจังหวัด

จังหวัดนครราชาสีมา เกิดน้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ กระแสน้ำจะท่วมสูงถึง ฐานของอนุสาวรีย์ย่าโม

ทุกจังหวัดในประเทศไทย ต่างก็ได้รับความบอบช้ำด้วยกันทั้งสิ้น จะมากน้อยต่างกันไป

บริเวณใดที่มีผู้คนที่มีศีลธรมอาศัยอยู่ อาจได้รับการปกป้องบรรเทาภัยพิบัติ ให้เบาบางลงไปได้บ้าง

ข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมานี้ อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับความรุนแรง จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน

ดังเช่น ภูเขาไฟที่กล่าวว่า จะเกิดในสถานที่หลายแห่งนั้น อาจเกิดระเบิดกึกก้องกัมปนาท รวมกันในสถานที่แห่งเดียวกัน แต่จะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ กล่าวคือ อาจมีลาวาจะพุ่งขึ้นฟ้าสูงเป็นพิเศษถึง 6 กิโลเมตร เป็นต้น

เหตุการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมานั้น จะมีอยู่วันหนึ่ง ที่เหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาล จะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะ อันเนื่องมาจาก จุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ 11

มนุษย์ทุกคนบนโลกจะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว

บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานนัก ลมจะแรงขึ้น เสียงฟ้าเสียงลม จะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

เป็นเสียงของพญามัจจุราช ที่พิพากษาโลกในด้านความเป็นมนุษย์ คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิต และ ตายอย่างทรมาน ไม่เว้นแต่ ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการยกเว้นเอาไว้ ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป

อีก 5 ปีต่อไป น้ำจะท่วมภาคใต้ และ จะร้ายแรงมากกว่าสึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอดชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นเหนือเพื่อให้พ้นภัย โดยระหว่างทาง จะพบกับคนนอนตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก

พระศรีอารย์ ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์อยู่สวรรคชั้นดุสิต ในตอนนี้ จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ (ท่านลงมาเกิดในคราวนี้ ไม่ใช่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่เพื่อช่วยให้ผู้คนรอดพ้น จากเหตุการณ์อันเหลือที่มนุษย์จะรับมือได้ไหวครั้งนี้ เพื่อช่วยให้พ้นจากภัยสงครามครั้งมหึมา ที่จะทำให้มีคนตายมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ท่านอาจจะเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ได้ แต่ยังไม่แสดงตัวเท่านั้น)

การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่

            1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์ มากขึ้นเรื่อยๆ และ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน
            2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
            3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้างเป็นเวลา 7 วัน) * ระยะเวลาการเกิดภัยธรรมฃาติที่รุนแรงของโลก รวมแล้วมีระยะเวลาทั้งสิ้น 56 วัน ใน 3 วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวีปเอเชีย ในประเทศที่เป็นอริต่อกัน *

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
            2. พายุถล่ม
            3. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหว
            4. ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดภาคกลาง 2 ลูก, ภาคเหนือตอนล่าง 3 ลูก อีกทั้งที่ จังหวัดราชบุรี น่าน แพร่ อ.ร้องกวาง)
            5. คลื่นยักษ์จากทะเล
            6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ Virusterria, อหิวาตกโรค สายพันธุ์ใหม่ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตภายใน 6 วัน
            7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมาก่อน
            8. อดอยากขาดแคลนอาหาร

การเตรียมตัวเตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว

            1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้าน อย่างน้อย 3 – 6 เดือน
            2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้น อากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั่วหัวใจ
            3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
            4. ที่อยู่อาศัย
            5. ยารักษโรค
            6. ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก) ห้ามกินอาหาร ที่ไม่ได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรค และสารกัมมันตรังสี ส่วนคาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิดหนัง ที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
            7. ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
            8. เครื่องช่วยชีวิต
            9. แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียงพายุ (เวลานั้น ท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน = 1 ราตรี และ จะมืดมิด 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
        10. เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ

            1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่เรารู้จักก็ตาม
            2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น
            3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ต่างทับทิมล้างทุกครั้ง
            4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้น ประตูมิติของโลกทั้งสามภพ จะถูกเปิดเป็นครั้งแรก * ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่อง ผีสางจิตวิญญาณ ก็จะได้เห็น คนที่มาเยือนอาจเป็น ผีเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมของเราจำแลงมาก็เป็นได้ และ ห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็ดขาด *
            5. ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
            6. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
            7. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
            8. ระวังอากาศที่หนาวเย็น
            9. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
            10. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 3 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 3 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง

การเตรียมจิตวิญญาณ

            1. ชำระกรรมให้เบาบาง โดยหยุดโลภ โกรธ หลง ทำจิตใจให้สงบเบิกบาน เพราะวันนั้น จะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะ เสียงที่ดังกึกก้อง ไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้น ต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก
            2. มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
            3. ฝึกการละวาง
            4. มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
            5. ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรมนายเวร หรือ ผู้ที่เราล่วงละเมิด

การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย

            1. ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น / รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้องไม่รับรู้ไม่รับเห็น ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้อง เพราะกำลังจะตาย หรือ ได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละวางไม่ได้ จะเกิดอาการ “ตายก่อนตาย” ( รู้ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือ การตายทั้งเป็น )
            2. ยอมรับให้ได้ ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
            3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวกเกิดความอิ่มเอิบ
            4. สังเกตธรรมชาติ ก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น

ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะที่ 2)

ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงายแลดูหดหู่ สัตว์ทั้งหลาย จะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลียงอยู่ในบ้าน จะเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือ บางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม

เรื่องเวลาที่แน่นอนนั้น ขอบอกตามตรงว่า ไม่ทราบ แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ และ จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆ คิดว่าจะเกิดภายใน 1-3 ปีนี้

เป็นกรรมของสัตว์โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่า ระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติ ทางดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาด และ อุบัติภัยสงคราม และ จะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ

ต่อไปที่จะวิบัติหนัก ๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ป่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ

เคยถามครูบาอาจารย์ว่า ไม่เคยมีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า “ไม่ได้” ท่านว่า “ปูยีเว้าก็ปานพระเจ้าเว้า นั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะ กรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น

จากที่ครูบาอาจารย์ ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะ กรรมเป็นตัวกำหนด และ ยุคพระยาธรรมิกราช ก็เป็น พุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน กึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์

อ่านข้อมูลฉบับเต็มได้ที่

http://www.srinagathurka.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538926523&Ntype=6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น