ผู้ถาม :- “หลวงพ่อครับ ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมินี่จะทราบได้อย่างไรเขาบำเพ็ญบารมีแบบไหนครับ…?”
หลวงพ่อ :- “ตัวของเขาทราบเอง เหมือนคุณกินเกลือ คุณรู้ว่าเค็มหรือเปล่า…?”
ผู้ถาม :- (หัวเราะ) “แล้วเหตุใดพระโพธิสัตว์บางองค์จึงลาจากพุทธภูมิครับ…?”
หลวงพ่อ :- “เพราะอยากลา นี่ตอบไม่ยาก คือภาระของพุทธภูมินี่เวลาเขาทำๆ ไป ถ้าตั้งระยะไว้ไม่ยาว พวกนี้เขาช่วยพระพุทธศาสนา เขาก็ทำกิจของพุทธภูมิเช่นกัน แต่ว่าถ้าหากจะช่วยพระพุทธศาสนา ถ้าความเข้มแข็งไม่มี มันช่วยไม่ได้ เพราะพวกนี้อารมณ์ของเขามีอย่างเดียว คือไม่ห่วงตัวเอง ถ้าตัวเองไม่มีกิน ถ้าคนอื่นกินได้ ไอ้นี่เขาพอใจ แต่พวกที่ลาจริงๆ ส่วนใหญ่ก็ใกล้พระนิพพานแล้ว ถ้าไม่ใกล้เขาไม่ลา ลาแล้วไม่กี่วันก็ได้พระอรหันต์ เพราะกำลังเขาเกิน อย่างคุณเรียนเตรียมอุดม ถ้ากลับไปทำงานประเภทหลักสูตรแค่ ม.๓ คุณไม่ต้องใช้กำลังมาก ใช่ไหม…?”
ผู้ถาม :- “ใช่ครับ”
หลวงพ่อ :- “เหมือนกัน คนที่ปรารถนาพระโพธิญาณเรียกว่า พระโพธิสัตว์ ทีนี้พวกที่ใกล้ที่สุด อย่างเช่น ถ้าเป็นปัญญาธิกะอย่างน้อยที่สุดก็ต้องอสงไขยที่ ๔ ในกัปนั้นแหละ ท่านจะบรรลุมรรคผลหรือกัปนั้นแหละที่บารมีจะเต็ม
สำหรับพวกที่ปรารถนาเป็นสาวกภูมินี่ใช้เวลาอย่างน้อย ๑ อสงไขยกับแสนกัป
ส่วนอัครสาวกหรือพระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๒ อสงไขยกับแสนกัป เข้าใจไหม…?”
ผู้ถาม :- “เข้าใจครับ…หลวงพ่อครับ หลวงปู่ปานท่านก็บำเพ็ญบารมีเพื่อปรารถนาพระโพธิสัตว์ เหมือนกันใช่ไหมครับ…?”
หลวงพ่อ :- “หลวงปู่ปานรู้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ตอนแรกๆ ไม่รู้ว่าเต็มหรือไม่เต็ม เต็ม หมายความว่า ปรมัตถบารมีเต็ม มารู้ทีหลัง คือว่าเวลาทำบุญ ท่านเปล่งวาจาปรารถนาพระโพธิญาณ กลางที่ชุมนุมชน คือท่ามกลางสมาคม ท่านเปล่งชัดออกมาเลยว่า ผลงานนี้ ขอให้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ไม่ใช่งุบงิบๆ ถ้างุบงิบละก็ยังอีกนาน กลัวเขาจับได้”
ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น