“ในหลวงเป็นหน่อเนื้อพุทฐางกูร และอดีตชาติเป็นช้างป่าเลไลย์” หลวงปู่สิม!!! อริยสงฆ์ผู้ยืนยันว่า ในหลวง ร.๙ คือพระโพธิสัตว์
หลวงปู่สิม แห่งวัดสันติสังฆาราม บ้านบัว ต.สว่าง อ.พรรณานิคม ก็เป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่ในหลวงภูมิพล เสด็จฯ ไปนมัสการและสนทนาธรรม ท่านเป็นพระกรรมฐานสายพระป่าสายหลวงปู่มั่น
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ และความเป็น "พระโพธิสัตว์" ของในหลวงรชกาลที่ ๙นั้น ก็เป็นถึงระดับ "นิยตโพธิสัตว์" ผู้เที่ยงแท้ต่อพระโพธิญาณในอนาคตกาลเบื้อง หน้าโน้นอย่างแท้จริงด้วย สมจริงดังที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่ ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองทีเดียวว่า
"ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนามเคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ"
ภควา อันว่าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแห่งเรา ตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่า พระติสสะสัพพัญญูพุทธเจ้า เสด็จล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานสิ้นกาลช้านานแล้ว ฯ
ในลำดับ นั้น อันว่าช้างปาลิไลยหัตถีตัวนี้ก็เป็นพระบรมโพธิสัตว์สร้างพระบารมีมาเป็นอัน มาก จักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมงคล ในอนาคตกาลพระสุมงคลทศพลญาณเจ้านั้น มีพระองค์สูงได้ ๖๐ ศอก พระชนมายุมีประมาณแสนปีเป็นกำหนด ไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่าง ดังสีทองเป็นอันงามประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง ห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของเครื่องประดับ มีประการต่างๆ ด้วยพระพุทธานุภาพ ฝูงมนุษย์ทั้งหลายในพระศาสนาของพระสุมงคล มิได้กระทำซึ่งกสิกรรม วาณิชกรรม ได้อาศัยซึ่งต้นกัลปพฤกษ์นั้น ประพฤติเลี้ยงชีวิตแห่งอาตมา มนุษย์ทั้งหลายมีความผาสุกสบาย ขวนขวายแต่การเล่นเต้นรำแต่งตัวอยู่เป็นนิจ เสมอเหมือนเทพบุตร เทพธิดา ซึ่งได้ทิพยสมบัติในสวรรค์เทวโลกฯ สมเด็จพระสุมงคลทศพลญาณเจ้า ก่อสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จแก่พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้ ฯ อันว่ากองพระบารมีครั้งหนึ่ง พระองค์กระทำมาแต่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ปรากฏเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดอย่างเอกอุดมทาน ฯ
เพราะด้วยเหตุที่ท่าน เจ้าคุณพระญาณสิทธาจารย์ (สิม พุทฺธาจาโร) ซึ่งเป็นพระขีณาสวสงฆ์ผู้ทรงญาณวิสัยอันลึกล้ำ สามารถแทงตลอดในการทุกสิ่งอัน และได้แจ้งในใจในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ พระองค์นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าเป็นอย่างดีที่สุด หลวงปู่สิมจึงได้ถวายความจงรักภักดีในพระองค์ท่านอย่างยิ่ง แม้ตราบเท่าวาระสุดท้ายแห่งชีวิตท่านอย่างน่าซาบซึ้งประทับใจที่สุด ไม่มีใดจะเทียมทันได้ ซึ่งการทั้งปวง อาจเข้าไปชมได้ในหัวข้อ "จงรักภักดีด้วยชีวิต" ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘
พระครูวินัยธรวิชัย ญาตธมฺโม หรือพระอานนท์ เจ้าอาวาสวัดสันติสังฆาราม อดีตพระเลขาหลวงปู่สิม เล่าว่า เมื่อครั้งที่หลวงปู่สิมมรณภาพ ในหลวงภูมิพลพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งว่าจะเสด็จฯ ไปพระราชเพลิงศพหลวงปู่สิมอย่างเรียบง่าย ไม่หรูหรา
“ในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระองค์ท่านได้ทรงทรุดพระวรกายลงกราบราบกับพื้น อันเป็นการถวายความเคารพพระมหาเถระอย่างสูง เพราะหลวงปู่เป็นหนึ่งในครูอาจารย์ที่ถวายอบรมจิตตภาวนาให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ หลวงปู่สิมได้เคยเล่าให้ฟังว่า "ในหลวงเป็นผู้ปฏิบัติธรรมงดงาม เป็นหน่อเนื้อพุทฐางกูร (ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ในอนาคตภายภาคหน้าผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ) พระองค์ท่านมาบำเพ็ญบารมีในปัจจุบันเช่นเดียวกับการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์” พระอานนท์ เล่าถึงสิ่งที่หลวงปู่สิมเคยกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ที่มา FB :เพจเมตตาธรรมศิษย์พระธุดงค์ กรรมฐาน สายหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น @MettathammakammatanCluPage และ เรื่องเล่าในหลวงกับ "หลวงปู่ฝั้น"ของเวปโพสทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น