วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เรื่องมนุษย์ต่างดาว ( UFO )

: เรื่องมนุษย์ต่างดาว ( UFO ) :
หลวงพ่อฤาษี เล่าเรื่องมนุษย์ต่างดาว

.....อาตมาเพียงแต่ฝันไปในตอนตี ๔ คืนวันหนึ่ง ฟังให้ดี ๆ นะ
อาตมาฝันไป

.....คือ ได้ฝันไปว่า อาตมาได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ขึ้นไปหาพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไปนมัสการพระเจดีย์จุฬามณี  เป็นพระเจดีย์อินทนิลมณีประดับด้วยทองและแก้ว ๗ ประการ สูงถึง ๘ หมื่นวา  มีกำแพงสีดอกบวบเป็นประกายแวววาวล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ด้านละ ๑ แสน ๖ หมื่นวา ประดับด้วยธงประดาก ซึ่งเป็นธงผืนห้อยยาวลงมา อย่างธงจระเข้ รวมทั้งธงชัยและกลดชุมสายผ้าตาดทอง   มีสายห้อยระย้าอยู่รอบ ๆ มีเทวดาดีดสีตีเป่าเครื่องดุริยางค์   ดนตรีสวรรค์บำเรออย่างไพเราะนักหนา ถวายบูชาพระเจดีย์จุฬามณีอยู่ตลอดเวลา
พระอินทร์และเทพบุตรเทพธิดา   สาวกบริวารจะเสด็จไปนมัสการพระเจดีย์นี้มิได้ขาด ที่พระเจดีย์จุฬามณี พระพุทธเจ้ากับพระอรหันตสาวกจำนวนมากมายได้เสด็จมาพอดี อาตมาได้กราบอภิวาทพระพุทธองค์และพระอรหันต์ทั้งหมด...

.....อ้อ...ก่อนที่จะได้ขึ้นไปที่พระเจดีย์จุฬามณีนั้น มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่อาตมาสอนกรรมฐาน ให้ศรัทธาญาติโยมอยู่นั้น มีใครคนหนึ่งได้ถามว่า  มนุษย์ต่างดาวมีจริงรึ   จานผีหรือจานบิน มีจริงหรือเป็นเพียงภาพลวงตาในท้องฟ้า?     ทีนี้เมื่ออาตมาขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า ที่พระเจดีย์จุฬามณี

พระพุทธองค์ได้ถามดักใจอาตมาว่า... สงสัยเรื่องจานบินรึ..?

อาตมาได้กราบทูลตอบไปว่า... สงสัยมากแต่ไม่กล้ากราบทูลถามด้วยเกรงจะเป็นเรื่อง เหลวไหล  

พระพุทธองค์ได้บอกว่า... เรื่องอย่างนี้เป็นความรู้ถามได้ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล

.....จานผีหรือจานบินที่ชาวโลกเราได้เห็นกันนั้น  มาจากดวงดาว ๒ แห่ง  แห่งหนึ่งเป็นดาวเล็ก ๆ อยู่ใกล้ดาวพระศุกร์ไปทางซ้ายเล็กน้อย  ดาวดวงนี้มีชื่อเรียกว่า "จามรทวีป" โคจรอยู่ในจักรวาลเดียวกับโลกเรา

.....จานบินที่มาจากดวงดาวจามรทวีป เป็นจานบินไม่ใหญ่โตอะไรมีขนาดสูงประมาณ ๔ เมตร มีสีเขียว ๆ ใช้เวลาบินจากดวงดาวจามรทวีปมายังโลกเรา ๘ ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว   ระยะทางเป็นแสน ๆ โยชน์  นักวิทยาศาสตร์ทางด้านดาราศาสตร์หรืออวกาศยังไม่รู้จัก   ดาวดวงนี้   อาจจะมองข้ามไปเพราะนึกว่าเป็นเพียงดาวเล็ก ๆ ไม่มีความสำคัญอะไร แต่ความจริงมีความสำคัญมาก ผู้คนพลเมืองของดาวดวงนี้มีความเจริญก้าวหน้า ทางวิทยาการมากมาย

.....พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตา       พาอาตมาไปที่ดวงดาวจามรทวีป เมื่อไปถึงก็แปลงร่างเป็นชาวบ้านจามรทวีปธรรมดา ไม่ให้พวกเขาสงสัยว่า...  เป็นพระมาจากโลกอื่น เมื่อแปลงร่างเป็นคนธรรมดาแล้วก็พากันนั่งอยู่ใกล้ ๆ ประตูใหญ่ทางเข้าออกเมืองจามรทวีป น่าสังเกตว่า ตามพื้นดินที่นั่นมีเพชรมีแก้วมณีสีต่าง ๆ งามแพรวพราวอยู่กลาดเกลื่อนเต็มไปหมด เป็นของไม่มีค่าอะไรสำหรับชาวจามรทวีป  จะมีบ้างที่เอาเพชรนิลจินดาเหล่านั้นไปประดับตามโต๊ะเก้าอี้หรือไม่ก็พวกเด็ก ๆ   เอามาขว้างปากันเล่นเป็นที่สนุกสนาน ขณะที่พากันนั่งอยู่เงียบ ๆ ที่ข้างประตูเข้ามหานครนั้น

.....พระพุทธเจ้าได้บอกว่า ประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงเดินออกมาจากในเมือง  ต่อมาก็มีผู้หญิงเดินออกมาจริง ๆ แต่ละคนรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวมนุษยโลกเราดี ๆ นี่เอง    แต่ผู้หญิงชาวดวงดาวจามรทวีปสวยมาก  ผิวขาวผ่องใส  เนื้อเต็มแน่น  ไม่เห็นปุ่มข้อกระดูก  คือข้อศอกก็ดี  ข้อมือก็ดี  หัวเข่าก็ดี  ตาตุ่มข้อเท้าก็ดี จะกลมกลึงไปหมด   มองไม่เห็นมีปุ่มนูนของกระดูกเลย คล้ายไม่มีกระดูกอย่างนั้นแหละ แต่ความจริงน่าจะมีโครงกระดูกจึงจะทรงร่างอยู่ได้ เพียงแต่กระดูกไม่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น

.....เครื่องแต่งตัวของผู้หญิงชาวดวงดาวจามรทวีปออกจะแปลกตา เพราะพวกเธอนุ่งกางเกงรัดเหนือเข่า เสื้อแขนสั้นรัดแขนสีเขียว ๆ มีลายทางดิ่งลง พวกเธอมองเห็นพวกเราก็ยิ้ม ๆ แต่ไม่พูดอะไรสักคำ นิสัยใจคอของชาวจามรทวีป ทั้งหญิงและชาย   มีพรหมวิหาร ๔ สูงมาก   เป็นพลเมืองที่ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม    ไม่มีอาวุธร้ายสำหรับประหัตประหารกัน   มีวิทยาการก้าวหน้าทันสมัยเหนือกว่าโลกมนุษย์เรา    หลายร้อยหลายพันเท่านักวิทยาศาสตร์ของเขาสามารถขับขี่จานบินไปได้ทั่วสากลจักรวาล    การที่ชาวดวงดาวจามรทวีปขับขี่จานบินมาเที่ยวโลกเราอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะโลกเราเป็นเส้นทางผ่านไปของพวกเขา  หมายความว่าพวกเขาชอบท่องเที่ยวมาก  อยากเที่ยวไปทุกแห่งในจักรวาล

.....จานบินของพวกเขาชอบแวะไปแถวสหรัฐอเมริกาและ
ทวียุโรป อยู่บ่อย ๆ ก็เพราะเห็นว่า มีการปล่อยดาวเทียมปล่อยจรวดอะไรต่ออะไรอยู่เรื่อย   จึงคิดจะติดต่อด้วย   การที่พวกเขาร่อนจานบินลงจอดในโลกแล้วจับเอาคนไปนั้น   เป็นการจับเอาตัวไปเข้าเครื่องตรวจสอบอารมณ์จิต  และส่วนประกอบของร่างกายอวัยวะต่าง ๆ  เมื่อตรวจสอบแล้วก็รู้ว่า ชาวโลกมนุษย์นี้จริตอารมณ์มีตัณหาความโลภอยู่มากเหลือเกิน   โลภมูลจิตในขันธสันดานของชาวโลกนี้เอง ทำให้ชาวโลกไม่ก้าวหน้าทางพลังจิต เหมือนพวกเขาซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาว   เนื่องจากตัณหาโลภมูลจิตใจของพวกเขามีน้อย ทำให้มีพลังจิตสูง  สามารถใช้พลังจิตติดต่อกันได้ไกล ๆ ในระหว่างดวงดาวต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิทยุเลย

.....ดาวอีกดวง คือ ดาวพระศุกร์ นั้น บางแห่งร้อนจัดมาก สามารถหลอมละลายแท่งเหล็กใหญ่ ๆ ได้ในพริบตา นักวิทยาศาสตร์ชาวโลกเราบอกว่า  ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ   อยู่บนโลกพระศุกร์เลยเพราะร้อนมาก แต่ความจริงมีบางแห่งมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการพอ ๆ   กับผู้คนในดวงดาวจามรทวีป บนดาวพระศุกร์มีภูเขาหัวโล้นอยู่แห่งหนึ่งกว้างใหญ่มากเป็นแดนที่ร้อนจัด   แต่ถัดไปอีกแห่งหนึ่งกลับเป็นเขตแดนหนาวมากมีหิมะเต็มไปหมด   ไม่มีคนอยู่อาศัยจะมีก็แต่สัตว์ขนยาวชนิดหนึ่งอาศัยอยู่

.....ถัดมาเป็นแดนอบอุ่นมีต้นไม้หนาแน่นมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากหลายชนิด  ส่วนทางด้านทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้นนั้น   เยื้องไปทางซ้ายไม่มากชาวดาวพระศุกร์ เรียกว่า "แดนสูตู"  เป็นแดนที่เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน  ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น  ผู้คนชาวดาวพระศุกร์ในแคว้นนี้     มีผิวคล้ำรูปงามคมสัน    จานบินของพวกเขาสูงประมาณ ๑๐ เมตร มีสีเหลือง  ใช้เวลาเดินทางมายังโลกเรา ๑๗ ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ในจานบิน ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรนี่   มีลูกอะไรกลม ๆ ใส ๆ เป็นแหล่งกำลังงานอยู่อย่างเดียว

เรื่องเล่าโดย...พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

: หมายเหตุจาก...ผู้โพสต์  เรื่องดวงดาวต่างๆ หาอ่านได้นะครับ  หลวงพ่อได้บันทึกไว้แล้ว  ที่หนังสือ "จุไรท่องดวงดาว" หลวงพ่อเล่าเรื่องดวงดาวต่าง ๆไว้เยอะ  และที่น่าอ่านอีกเล่มคือ "หนังสืออ่านเล่น"  ที่มีทั้งหมด ๑๕ เล่ม  ลองหาอ่านดูนะหรือรอผมนำมาโพสต์ให้อ่านก็ได้  เรื่องที่หลวงพ่อท่านทำเป็นหนังสือนั้น  เมื่ออ่านแล้วใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจเขา  แต่ผมเชื่อหลวงพ่อล้านเปอร์เซ็น  ที่หลวงพ่อท่านไม่ยืนยันเพราะไม่ต้องการไปขัดแย้งกับผู้รู้ทั้งหลาย  ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหนังสืออ่านเล่นบ้าง  เป็นนิทานบ้าง  แต่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงแต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้นั่นเอง  เล่าสู่กันฟังครับผม...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น