: เรื่องมนุษย์ต่างดาว ( UFO ) :
หลวงพ่อฤาษี เล่าเรื่องมนุษย์ต่างดาว
.....อาตมาเพียงแต่ฝันไปในตอนตี ๔ คืนวันหนึ่ง ฟังให้ดี ๆ นะ
อาตมาฝันไป
.....คือ ได้ฝันไปว่า อาตมาได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้ขึ้นไปหาพระอินทร์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไปนมัสการพระเจดีย์จุฬามณี เป็นพระเจดีย์อินทนิลมณีประดับด้วยทองและแก้ว ๗ ประการ สูงถึง ๘ หมื่นวา มีกำแพงสีดอกบวบเป็นประกายแวววาวล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ด้านละ ๑ แสน ๖ หมื่นวา ประดับด้วยธงประดาก ซึ่งเป็นธงผืนห้อยยาวลงมา อย่างธงจระเข้ รวมทั้งธงชัยและกลดชุมสายผ้าตาดทอง มีสายห้อยระย้าอยู่รอบ ๆ มีเทวดาดีดสีตีเป่าเครื่องดุริยางค์ ดนตรีสวรรค์บำเรออย่างไพเราะนักหนา ถวายบูชาพระเจดีย์จุฬามณีอยู่ตลอดเวลา
พระอินทร์และเทพบุตรเทพธิดา สาวกบริวารจะเสด็จไปนมัสการพระเจดีย์นี้มิได้ขาด ที่พระเจดีย์จุฬามณี พระพุทธเจ้ากับพระอรหันตสาวกจำนวนมากมายได้เสด็จมาพอดี อาตมาได้กราบอภิวาทพระพุทธองค์และพระอรหันต์ทั้งหมด...
.....อ้อ...ก่อนที่จะได้ขึ้นไปที่พระเจดีย์จุฬามณีนั้น มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่อาตมาสอนกรรมฐาน ให้ศรัทธาญาติโยมอยู่นั้น มีใครคนหนึ่งได้ถามว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงรึ จานผีหรือจานบิน มีจริงหรือเป็นเพียงภาพลวงตาในท้องฟ้า? ทีนี้เมื่ออาตมาขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า ที่พระเจดีย์จุฬามณี
พระพุทธองค์ได้ถามดักใจอาตมาว่า... สงสัยเรื่องจานบินรึ..?
อาตมาได้กราบทูลตอบไปว่า... สงสัยมากแต่ไม่กล้ากราบทูลถามด้วยเกรงจะเป็นเรื่อง เหลวไหล
พระพุทธองค์ได้บอกว่า... เรื่องอย่างนี้เป็นความรู้ถามได้ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล
.....จานผีหรือจานบินที่ชาวโลกเราได้เห็นกันนั้น มาจากดวงดาว ๒ แห่ง แห่งหนึ่งเป็นดาวเล็ก ๆ อยู่ใกล้ดาวพระศุกร์ไปทางซ้ายเล็กน้อย ดาวดวงนี้มีชื่อเรียกว่า "จามรทวีป" โคจรอยู่ในจักรวาลเดียวกับโลกเรา
.....จานบินที่มาจากดวงดาวจามรทวีป เป็นจานบินไม่ใหญ่โตอะไรมีขนาดสูงประมาณ ๔ เมตร มีสีเขียว ๆ ใช้เวลาบินจากดวงดาวจามรทวีปมายังโลกเรา ๘ ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว ระยะทางเป็นแสน ๆ โยชน์ นักวิทยาศาสตร์ทางด้านดาราศาสตร์หรืออวกาศยังไม่รู้จัก ดาวดวงนี้ อาจจะมองข้ามไปเพราะนึกว่าเป็นเพียงดาวเล็ก ๆ ไม่มีความสำคัญอะไร แต่ความจริงมีความสำคัญมาก ผู้คนพลเมืองของดาวดวงนี้มีความเจริญก้าวหน้า ทางวิทยาการมากมาย
.....พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตา พาอาตมาไปที่ดวงดาวจามรทวีป เมื่อไปถึงก็แปลงร่างเป็นชาวบ้านจามรทวีปธรรมดา ไม่ให้พวกเขาสงสัยว่า... เป็นพระมาจากโลกอื่น เมื่อแปลงร่างเป็นคนธรรมดาแล้วก็พากันนั่งอยู่ใกล้ ๆ ประตูใหญ่ทางเข้าออกเมืองจามรทวีป น่าสังเกตว่า ตามพื้นดินที่นั่นมีเพชรมีแก้วมณีสีต่าง ๆ งามแพรวพราวอยู่กลาดเกลื่อนเต็มไปหมด เป็นของไม่มีค่าอะไรสำหรับชาวจามรทวีป จะมีบ้างที่เอาเพชรนิลจินดาเหล่านั้นไปประดับตามโต๊ะเก้าอี้หรือไม่ก็พวกเด็ก ๆ เอามาขว้างปากันเล่นเป็นที่สนุกสนาน ขณะที่พากันนั่งอยู่เงียบ ๆ ที่ข้างประตูเข้ามหานครนั้น
.....พระพุทธเจ้าได้บอกว่า ประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงเดินออกมาจากในเมือง ต่อมาก็มีผู้หญิงเดินออกมาจริง ๆ แต่ละคนรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวมนุษยโลกเราดี ๆ นี่เอง แต่ผู้หญิงชาวดวงดาวจามรทวีปสวยมาก ผิวขาวผ่องใส เนื้อเต็มแน่น ไม่เห็นปุ่มข้อกระดูก คือข้อศอกก็ดี ข้อมือก็ดี หัวเข่าก็ดี ตาตุ่มข้อเท้าก็ดี จะกลมกลึงไปหมด มองไม่เห็นมีปุ่มนูนของกระดูกเลย คล้ายไม่มีกระดูกอย่างนั้นแหละ แต่ความจริงน่าจะมีโครงกระดูกจึงจะทรงร่างอยู่ได้ เพียงแต่กระดูกไม่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น
.....เครื่องแต่งตัวของผู้หญิงชาวดวงดาวจามรทวีปออกจะแปลกตา เพราะพวกเธอนุ่งกางเกงรัดเหนือเข่า เสื้อแขนสั้นรัดแขนสีเขียว ๆ มีลายทางดิ่งลง พวกเธอมองเห็นพวกเราก็ยิ้ม ๆ แต่ไม่พูดอะไรสักคำ นิสัยใจคอของชาวจามรทวีป ทั้งหญิงและชาย มีพรหมวิหาร ๔ สูงมาก เป็นพลเมืองที่ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม ไม่มีอาวุธร้ายสำหรับประหัตประหารกัน มีวิทยาการก้าวหน้าทันสมัยเหนือกว่าโลกมนุษย์เรา หลายร้อยหลายพันเท่านักวิทยาศาสตร์ของเขาสามารถขับขี่จานบินไปได้ทั่วสากลจักรวาล การที่ชาวดวงดาวจามรทวีปขับขี่จานบินมาเที่ยวโลกเราอยู่บ่อย ๆ ก็เพราะโลกเราเป็นเส้นทางผ่านไปของพวกเขา หมายความว่าพวกเขาชอบท่องเที่ยวมาก อยากเที่ยวไปทุกแห่งในจักรวาล
.....จานบินของพวกเขาชอบแวะไปแถวสหรัฐอเมริกาและ
ทวียุโรป อยู่บ่อย ๆ ก็เพราะเห็นว่า มีการปล่อยดาวเทียมปล่อยจรวดอะไรต่ออะไรอยู่เรื่อย จึงคิดจะติดต่อด้วย การที่พวกเขาร่อนจานบินลงจอดในโลกแล้วจับเอาคนไปนั้น เป็นการจับเอาตัวไปเข้าเครื่องตรวจสอบอารมณ์จิต และส่วนประกอบของร่างกายอวัยวะต่าง ๆ เมื่อตรวจสอบแล้วก็รู้ว่า ชาวโลกมนุษย์นี้จริตอารมณ์มีตัณหาความโลภอยู่มากเหลือเกิน โลภมูลจิตในขันธสันดานของชาวโลกนี้เอง ทำให้ชาวโลกไม่ก้าวหน้าทางพลังจิต เหมือนพวกเขาซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาว เนื่องจากตัณหาโลภมูลจิตใจของพวกเขามีน้อย ทำให้มีพลังจิตสูง สามารถใช้พลังจิตติดต่อกันได้ไกล ๆ ในระหว่างดวงดาวต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิทยุเลย
.....ดาวอีกดวง คือ ดาวพระศุกร์ นั้น บางแห่งร้อนจัดมาก สามารถหลอมละลายแท่งเหล็กใหญ่ ๆ ได้ในพริบตา นักวิทยาศาสตร์ชาวโลกเราบอกว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่บนโลกพระศุกร์เลยเพราะร้อนมาก แต่ความจริงมีบางแห่งมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการพอ ๆ กับผู้คนในดวงดาวจามรทวีป บนดาวพระศุกร์มีภูเขาหัวโล้นอยู่แห่งหนึ่งกว้างใหญ่มากเป็นแดนที่ร้อนจัด แต่ถัดไปอีกแห่งหนึ่งกลับเป็นเขตแดนหนาวมากมีหิมะเต็มไปหมด ไม่มีคนอยู่อาศัยจะมีก็แต่สัตว์ขนยาวชนิดหนึ่งอาศัยอยู่
.....ถัดมาเป็นแดนอบอุ่นมีต้นไม้หนาแน่นมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากหลายชนิด ส่วนทางด้านทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้นนั้น เยื้องไปทางซ้ายไม่มากชาวดาวพระศุกร์ เรียกว่า "แดนสูตู" เป็นแดนที่เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ผู้คนชาวดาวพระศุกร์ในแคว้นนี้ มีผิวคล้ำรูปงามคมสัน จานบินของพวกเขาสูงประมาณ ๑๐ เมตร มีสีเหลือง ใช้เวลาเดินทางมายังโลกเรา ๑๗ ชั่วโมงก็ถึงแล้ว ในจานบิน ดูแล้วไม่เห็นมีอะไรนี่ มีลูกอะไรกลม ๆ ใส ๆ เป็นแหล่งกำลังงานอยู่อย่างเดียว
เรื่องเล่าโดย...พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
: หมายเหตุจาก...ผู้โพสต์ เรื่องดวงดาวต่างๆ หาอ่านได้นะครับ หลวงพ่อได้บันทึกไว้แล้ว ที่หนังสือ "จุไรท่องดวงดาว" หลวงพ่อเล่าเรื่องดวงดาวต่าง ๆไว้เยอะ และที่น่าอ่านอีกเล่มคือ "หนังสืออ่านเล่น" ที่มีทั้งหมด ๑๕ เล่ม ลองหาอ่านดูนะหรือรอผมนำมาโพสต์ให้อ่านก็ได้ เรื่องที่หลวงพ่อท่านทำเป็นหนังสือนั้น เมื่ออ่านแล้วใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจเขา แต่ผมเชื่อหลวงพ่อล้านเปอร์เซ็น ที่หลวงพ่อท่านไม่ยืนยันเพราะไม่ต้องการไปขัดแย้งกับผู้รู้ทั้งหลาย ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหนังสืออ่านเล่นบ้าง เป็นนิทานบ้าง แต่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงแต่ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้นั่นเอง เล่าสู่กันฟังครับผม...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น