วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การตั้งใจไปนิพพาน

การตั้งใจไปนิพพาน

ผู้ถาม             การกำหนดจิตก่อนตายเพื่อไปพรหม ควรทำอย่างไรครับ ?
หลวงพ่อ         เออ...นี่ต้องไปลองซ้อมตายนะ ไปที่วัดจะเอายาสลบให้กิน ก่อนสลบก็ตั้งใจ ปัดโธ่! ไอ้หนู! ถามนี่มันเจ๊งแล้ว คือว่าการตั้งใจไปพรหม มันไม่ตั้งใจไปส่งเดช ฝึกอารมณ์มันให้ทรงตัว มันต้องมีทุนให้ทันพร้อม ถ้าเราได้ฌานไม่ต้องตั้งใจไปพรหมหรอก มันไปเองแหละ ก่อนจะตายก็เข้าฌาน มันไปพรหมเอง จะไปนิพพานก็ต้องได้ “ สังขารุเปกขาญาณ ” เป็นวิปัสสนาญาณตัวสุดท้าย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะไปนิพพานต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่เป็นพระอรหันต์ไปนิพพานไม่ได้ พระอรหันต์เขาเป็นตอนไหน ตอนที่ตัด สักกายทิฏฐิ ได้เด็ดขาด การจะเป็นอรหันต์นี่ฝึกไม่มาก ฝึกข้อเดียวคือ สักกายทิฎฐิ
                   สักกายทิฏฐิ มันมี ๓ ตอน คือ
                   ๑. มีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้ต้องตายไม่ประมาทในชีวิต นี่เป็น “ อารมณ์ของพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี ” นะ
                   ๒. มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ร่างกายสกปกโสโครกน่าเกลียด ไม่มีตัญหาเกิดขึ้นจากร่างกาย อย่างนี้เป็น “ อารมณ์ของพระอนาคามี ”
                   ๓. ถ้าจิตวางเฉยในร่างกายทั้งหมด ร่างกาบของเราก็ดี ร่างกายของคนอื่นก็ดี เราเฉยหมด อย่างนี้เป็น “ อารมณ์ของพระอรหันต์ ” ถ้าได้อารมณ์แบใดแบบหนึ่ง ถ้าวางเฉยได้ไปนิพพานได้ ถ้าวางเฉยไม่ได้ไปนิพพานไม่ได้
                   เรื่องพรหมเป็นของไม่ยากถ้าจิตทรงฌาน บางทีเขาไม่เคยทำกรรมฐานมาเลย เมื่อเวลาจะตาย เมื่อป่วยใหม่ ๆ จิตก็เกิดทรงญาน เพราะบุญเก่ามีอยู่ คำว่าทรงญาน ไม่ต้องไปนั่งขัดสมาธินะ แค่ตามองพระพุทธรูป จิตนึกถึงพระพุทธรูปด้วยความเคารพ และจิตจับที่นั่นโดยเฉพาะอย่างนี้เป็น “ พุทธานุสสติกรรมฐาน ” เป็นฌาน ตายแล้วเป็นพรหมทันที เป็นของไม่ยาก ยากไหม... ความจริงถ้าเข้าใจมันเป็นของไม่ยากนะ ถ้าอ่านตำรามากเกินไปอาจไม่เข้าใจ เพราะท่านเขียนเปะปะ

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤษี วัดท่าซุง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น