วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พระแก้บน หลวงปู่สี,โต,ทวด ช่วยรักษา

หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา

“…มีเรื่องจะเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้บอกบุญ ไม่ได้เรี่ยไร ยังไม่ต้องทำบุญวันนี้นะ ถ้าขืนทำวันนี้มันได้น้อยและเวลายังอยู่อีกนาน คือว่าเมื่อตอนฉันป่ายหนักเมือพรรษาที่แล้วมานี้ มีพระ ๓ องค์ด้วยกัน ท่านไปช่วยรักษา คือ หลวงปู่สี หลวงปู่โต หลวงปู่ทวด การรักษาของท่านมีผล เวลานั้นอาการหนักมากนะ

ท่านบอกว่า “ถ้ารักษาหายขอให้สร้างพระยืนสูง ๑๖ ศอก”
ก็เลยบอกท่านว่า “ถ้าหายจริงๆ จะสร้างถวาย ๓๐ ศอก” เมื่อหายแล้วฉันก็ตั้งสมาธิวิปัสสนาญาณใหม่ คือไม่สร้าง ต่อมาก็นั่งคิดในใจว่าเอ๊ะ…จะเอาพระพุทธรูปไปตากแดด จิตใจไม่ชอบพระตากแดด แต่คนอื่นเขาสร้างอย่าไปตำหนิเขานะ เพราะเรื่องของเจตนาของแต่ละบุคคล จิตเป็นกุศลเหมือนกัน ไม่เป็นไร

ต่อมาก็ไปพบพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า
“เอาอย่างนี้ดีไหมล่ะ ฉันเมื่อสมัยมีชวิตอยู่ฉันสูง ๘ ศอกของคนสมัยนั้น เธอก็สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๘ ศอก เป็นพระนั่ง แล้วก็สร้างวิหาร”
คิดเฉลี่ยแล้วแพงกว่าพระยืนไม่รูกี่สิบเท่า พระยืนจริงๆ ไม่กี่แสนหรอกนะ แต่วิหารจริงๆ หลายล้าน ก็เลยติดท่านว่า อย่างนั้นก็เอา ตกลงว่าจะไม่สร้างพระยืน พอมาถึงเที่ยวนี้ (๑ มิ.ย. ๒๕๒๙) มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งมาบอกว่า หลวงพ่อจะสร้างหรือไม่สร้าง หลวงปู่โตท่านมาหาผม บอกหลวงพ่อไม่สร้างนั่นผิดสัญญา

ก็บอกว่า “พระพุทธเจ้าให้สร้างพระ ๘ ศอกนี่”
เขาก็บอกว่า “ถ้าคนอื่นไม่ช่วยผมจะช่วยเองครับ”
เมื่อคืนขึ้นไปหาสมเด็จฯ ท่านบอกว่า “ถ้ามีคนช่วยก็ควรสร้าง”
เพราะอะไรรู้ไหม เป็นพระแก้บน
แต่ความจริงตังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เมื่อปีนั้นตาย พอรู้สึกตัวขึ้นมาท่านบอกให้สร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่ง (ปัจจุบันอยู่ที่วิหารพระสมณโคดม) ตายไปพักหนึ่ง หมดสัญญาไป ๑๒ ปีไงล่ะ ออกไปแล้วไปติดเพดาน เจอเทวดา พรหม เจอพระอริยเจ้า ไปไม่ได้ ท่านกันไว้ไปไม่ได้

ท่านถามว่า “จะไปไหน”
ก็บอกท่านว่า “ตอนนี้หมดสัญญา ๑๒ ปีครับ”
ท่านบอกว่า “ไปไม่ได้”
ถามว่า “ทำไมจึงไปไม่ได้”
ท่านบอก “คนของเธอยังไม่หมด คนของโยมเธอก็ยังไม่หมด คนที่ฉันฝากเธอไว้ก็ยังไม่หมด ยังไปไม่ได้”
ก็บอกท่านว่า “ตั้ง ๑๒ ปี ไม่มีใครมาจะรอใคร ไม่สามารถจะเกณฑ์ใครมาได้”
โยมท่านก็รับอาสาว่าจะเกณฑ์มาเอง ก็ต้องกลับ พอกลับมาแล้วรู้สึกตัวขึ้นมา อาการหายหมด ท่านก็บอกว่า ให้สร้างพระพุทธรูป ก็ที่ศาลาหลังนั้นแหละ เวลานั้นหาช่างปั้นพระพุทธรูปเป็นไม่มี ก็เลยเอาช่างเสริฐ ช่างไม่เคยปั้นเลย ให้ปั้นองค์นั้นเป็นองค์แรก เวลานี้ถลอกปอกเปิก คิดว่าจะซ่อมก็ไม่มีเวลา ช่างไม่ว่าง ท่านก็เลยบอกว่า พระที่รับอาสาไว้จะสร้างก็ควรจะสร้าง ในเมื่อคนคิดจะให้สตางค์อย่าขัดศรัทธา อีกประการหนึ่งเป็นเรื่องของพวกเราเอง สร้างพระก็ต้องสร้างตึกควบ จะได้ทำหลังคาให้ท่านได้ไงล่ะ ก็เป็นอันว่าจำเป็นต้องทำ วันนี้พอปรารภขึ้นมาก็มีลูกหลานให้เงินไว้แล้ว ๕,๓๑๐ บาท เลยให้สมญาว่า “สมเด็จหลวงพ่อเงินไหลมาเทมา” ใครจะร่วมสร้างก็วันหลังนะ กลับไปนี่จะให้ช่างเขาสร้างฐาน เข้าใจว่าคงไม่ทันน้ำนี่หรอก เริ่มไว้ก่อนนะ คงเสร็จใน พ.ศ.หน้า เพราะนี่น้ำจะมาแล้วนี่ ถ้าไม่ตั้งไว้ก่อนเดี๋ยวจะลืมทำเสียนี่ ถ้าท่านมาทวงอีกทีก็จะกลายเป็น ๖๐ ศอกนะซิ

ท่านบอกว่า “ถ้าสร้างพระองค์นี้วิหารไม่ต้องทำเป็นทรงไทย ให้ใช้หลังคาแบบปกติ”
ก็คิดเงินไปล้านกว่า เฉพาะหลังคานี่ล้านกว่านะ ถึงสองล้านแน่ ถ้าทำจริงๆ มันเกินสองล้าน ทีนี้ถ้าสร้างพระองค์นี้แล้วทำตึกควบด้วยก็ไม่เกินล้านบาท ถูกลงไปตั้งเยอะ ท่านลดให้
“แล้วพระ ๘ ศอกจะสร้างไหมครับ”
ท่านบอกว่า “พระ ๘ ศอกก็ควรสร้าง แต่ช้าหน่อยก็ได้”

คำว่าช้าหน่อยหมายความว่าสร้างองค์นี้เสร็จเสียก่อน เพราะเป็นพระแก้บนกันตาย นี่ความจริงถ้าฉันตายก็สบายนะ
“แต่ว่าเขาบนใหม่นะครับ เขาบนให้หลวงพ่ออยู่”
ยังงั้นก็ต้องออกสตางค์กันซิ ใครต้องการให้อยู่บ้างยกมือขึ้น ไม่กี่คนเลย กลัวเสียสตางค์นี่ แต่ทำต้องทำแน่ เพราะตามสัญญา ทีแรกความจริงก็ไม่ได้ผิดสัญญา
แต่สมเด็จท่านบอกว่า “การเอาพระไปตากแดดมันก็ไม่ดีนัก เพราะใจเธอไม่ต้องการ”
ทีนี้ท่านให้ทำตึกควบ ก็ไม่กว้าง กว้างสัก ๔ เมตร แต่ก็ต้องล้อม ๓ ด้าน ใช่ไหม ขึ้นไปแล้วก็เอาเหล็กพาดทําหลังคาได้ ก็ต้องแถมตึกหลังนั้นด้วย…”
.
.
ที่มาจากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม ๕๒ หน้า ๓-๔-๕
โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม-ท่าซุง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

ที่มา คำสอนหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น