วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565

ว่าด้วยเรื่องนิมิต ดูลม ดูจิต และไตรลักษณ์

"ว่าด้วยเรื่องนิมิต ดูลม ดูจิต และไตรลักษณ์"
นั่งวิปัสสนาแล้วฟุ้งซ่าน
ถาม : ถ้าเรานั่งวิปัสสนาแล้วฟุ้งซ่านไป จะต้องกลับมาดูลมหายใจหรือเราจะรู้ไปกับสิ่งที่เราฟุ้งซ่าน

ตอบ : หลักที่ท่านอธิบายไว้ในวิปัสสนาในสมถกรรมฐาน เขาบอกว่าเริ่มต้นก็พยายามทำจิตให้สงบ แต่ภาคปฏิบัติหลวงพ่อชาท่านแนะนำว่า มันสงบก็เอา ไม่สงบก็เอาถ้าจิตถอนออกจากความสงบ ถ้าฟุ้งซ่าน ก็ให้รู้ว่าจิตนั้นมันไม่เที่ยง ให้มาดูความไม่เที่ยง ดูความฟุ้งซ่านมันก็ไม่เที่ยงอีก เดี๋ยวมันก็ไปอันโน้น เดี๋ยวมันก็ไปอันนี้ ให้เอาหลักธรรมะในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มาพิจารณา สภาวะจิตและสภาวะสังขารร่างกายตามความเป็นจริง มันจะอยู่ด้วยการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างก็คือให้เห็นอาการหยาบ ๆ อิริยาบททั้งสี่ เดี๋ยวยืน เดี๋ยวนั่ง เดี๋ยวนอน มันก็สับเปลี่ยนตลอด ถ้าฟุ้งซ่านเราตามไปดูแต่อย่าไปหลงมันอีก แล้วถอนมากำหนดดูลมหายใจเข้าออก ๆ จนกระทั่งจิตเราชำนาญ

         
        การปฏิบัตินี่ก่อนที่จะลุล่วงไป ท่านบอกว่ามีอุปสรรคใหญ่คือนิวรณ์ห้า กามฉันทะ ความใคร่ในกาม ติดรูป เสียง กลิ่น รส ต่อไปก็พยาบาท เคยทำอะไรไว้ถ้าจิตสงบมันจะผุดมาหมด เรียกว่าวิบาก คืออารมณ์จากวิบากกรรม ฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านก็ให้ดูระยะหนึ่งแล้วตัดทิ้งไป หรือหาอุบาย เช่นใช้พรหมวิหารสี่ อย่างองคุลีมาลท่านมานั่งสมาธิจิตสงบนิดหน่อยก็มีนิมิตมา คือภาพที่ติดอยู่ในจิตที่ท่านถือดาบวิ่งไล่ฆ่าตัดนิ้วมือคนทั้งหลาย รูป วิญญาณต่างๆ มาปรากฏ จิตก็สะดุด สมาธิก็หาย พระพุทธเจ้าท่านก็ให้แผ่เมตตา

       ฉะนั้นคือให้ตามดู ให้รู้ว่ามันเป็นอะไรแต่อย่าไปยึด คิดง่ายๆว่ามันเป็นเพียงภาพเหมือนกับเปิดโทรทัศน์เห็นภาพหยาบบ้างละเอียดบ้าง นั่นคือจิตของเรา คือจิตหยาบจิตละเอียด มันแสดงให้เห็น ถ้าจิตหยาบเคยโมโหโทโสมันจะมีนิมิตประเภทงูร้าย หรือเสือ หรือยักษ์ ถ้าจิตเราเคยสร้างเมตตากรุณาก็อาจเห็นเป็นเทวดา เป็นจิตอย่างเดียว ไม่มีอะไร ดังนั้นให้ดูๆ แล้วให้ถอยมา ให้ปลงว่าอนิจจังมันไม่เที่ยง หลวงพ่อชาท่านสอนว่าอย่าลืมอนิจจังอย่างเดียวนี่

 

พระครูนิมิตวิริยานุกูล (สุบิน อุตฺตโม)
วัดป่าบ้านหนองแวง ศรีสะเกษ
สาขาวัดหนองป่าพงที่ 12
ตอบตามธรรม เล่ม 1

#ลมหายใจพุทโธ #ลมหายใจไม่เที่ยง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น