ท่านทั้งหลายการทำการทำงาน ตลอดจนกระทั่งทำทุกสิ่งทุกอย่าง เขาก็ต้องรู้จักจุดประสงค์ ถ้าไม่รู้จักจุดประสงค์แล้ว การทำงานก็ไม่สำเร็จ เขาจะทำบริษัทรถยนต์ก็ต้องรู้จักจุดประสงค์ว่าจะต้องการอะไร หรือเขาจะทำไร่ทำนา จุดประสงค์คือต้องการอะไร
การทำสมาธิก็เช่นเดียวกัน จุดประสงฆ์ก็คือ "พลังจิต" ทำไมเราต้องการพลังจิต เพราะว่าพลังจิตเป็นตัวแปรที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะว่าพลังจิตนั้นจะเกิดขึ้นจาก "จิตที่เป็นสมาธิ" ก่อนที่จิตจะเป็นสมาธินี่มันจะมีอารมณ์มากมาย เมื่อมีอารมณ์มากมายแล้วจิตมันก็ไม่ใช่เป็นสมาธิ
พอเมื่อเริ่มต้นจะทำสมาธิเราก็ใช้คำบริกรรมจะ "พุทโธ" ก็ได้ หรืออย่างอื่นก็ได้ นึกคำบริกรรมอยู่อันเดียว ไม่ใช่ออกเสียงนึกคำบริกรรม เมื่อนึกคำบริกรรมแล้วอารมณ์ที่มากมายเหลือล้น มันก็เหลืออารมณ์อันเดียวคือ "พุทโธ" เมื่อเหลืออารมณ์อันเดียวคือพุทโธนี้จิตก็เริ่มเป็นหนึ่ง
เมื่อจิตเริ่มเป็นหนึ่ง "จิตก็เป็นสมาธิ" เมื่อจิตเป็นสมาธิจิตก็ผลิตพลังจิตเป็นอโตมาติก เมื่อผลิตพลังจิตแล้วพลังจิตนั้นก็จะสะสมไว้ที่จิต แล้วก็จะ "ไม่มีวันสูญสลายตัว" เมื่อทำ 2 ครั้ง 3 ครั้ง 4 ครั้ง 100 ครั้ง พันครั้งหรือกี่ครั้งก็ตาม พลังจิตเหล่านี้จะเข้าไปรวมตัวกันเป็นพลังจิต แล้วก็ไม่สูญสลายตัวเพิ่มเติมขึ้นจนกว่าที่จะพอเพียงแก่ความต้องการ
เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วนี่ความสุขก็เกิดขึ้น เขาเรียกว่า ความสุขความปีติ ความความเอิบอิ่ม ความสบาย ความเบาต่างๆ เหมือนลอยไปในอากาศ สิ่งเหล่านี้จะเป็นอานิสงส์ของการทำสมาธิ เหมือนกันกับคนที่รับประทานอาหาร การรับประทานอาหารน่ะมันจะมี "รสอร่อย" แล้วก็จะมีอาหารที่เป็นวิตามินโปรตีนไปบำรุงเลี้ยงร่างกาย
ที่จริงแล้วนั่นรสอร่อยไม่ได้เป็นวิตามินโปรตีน เพียงแต่ว่าชวนให้รับประทานเท่านั้น ส่วนสิ่งที่จะเป็นวิตามินโปรตีนให้แก่ร่างกายนั่นคือ ข้าวปลาอาหาร รับประทานเข้าไปแล้วก็กลายเป็นเลือดเป็นเนื้อเป็นชีวิต อันนั้นเป็นตัวหลัก
เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่ทำสมาธิก็เกิดความชื่นชม หรือเกิดความยินดี หรือเกิดความเอิบอิ่ม ความเอิบอิ่มเหล่านั้นนั่นน่ะเป็นผลมาจากสมาธิ หมายความว่าเมื่อทำสมาธิมีพลังจิตแล้วพลังจิตก็กลายเป็น "กระแสจิต"
กระแสจิตนั่นแหละที่ทำให้เรามีความสุขความสบาย และกระแสจิตนั่นเองที่เราเรียกกันว่า "ฌาน" เพราะฉะนั้นฌานมันก็จะต้องมี ที่เอ่อพระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ว่า มันมีรูปฌานและอรูปฌาน ฌานตั้งแต่ฌานที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เรียกว่า "รูปฌาน" แล้วฌานต่อไปคือ "อรูปฌาน" นั้นมี อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานา สัญญายตนะ เอ่อเป็นอรูปฌาน
ฌานนั้นจะเกิดขึ้นเองไม่ได้จะต้องมีสมาธิ สมาธิจะต้องผลิตพลังจิต ผลิตพลังจิตพลังจิตก็จะต้อง เอ่อกลายเป็นกระแสจิต กระแสจิตกลายเป็นฌานเป็นตามลำดับไปอย่างนั้น
#จุดประสงค์การทำสมาธิ
#สมาธิ --> #ผลิตพลังจิต --> #กระแสจิต --> #ฌาน
สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ถอดข้อความจากคลิป:
สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา 160 วัดสารนาถธรรมาราม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น