วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร แนะนำหลักในการนั่งสมาธิ


จะแนะนำหลักในการนั่งสมาธิ ของท่านผู้ที่มาใหม่ยังไม่เคยทำ พอให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้

๑. ให้ตั้งใจว่าเรื่องราวอะไรทั้งหมด เราจะไม่เก็บมาคิดนึก จะนึกถึงแต่พุทธคุณอย่างเดียว คือ "พุทโธ"

๒. ตั้งสติกำหนดนึถึงลมหายใจเข้าว่า พุท ออกว่า โธ  หรือจะนึก พุทโธๆ  อยู่ที่ใจอย่างเดียวก็ได้

๓. ทำจิตให้นิ่ง แล้วทิ้งคำภาวนา "พุทโธ" เสีย ให้สังเกตแต่ลมที่หายใจเข้าออกอย่างเดียว เหมือนกับเรายืนเฝ้าดูวัวของเราอยู่ที่หน้าประตูคอก ว่าวัวที่เดินเข้าไปและออกมานั้น มันเป็นวัวสีอะไร สีดำ แดง ขาว ด่าง วัวแก่หรือวัวหนุ่ม  เป็นลูกวัวหรือวัวกลางๆ แต่อย่าไปเดินตามวััวเข้าไปด้วย เพราะมันจะเตะขาแข้งหักหรือขวิดตาย ให้ยืนดูอยู่ตรงหน้าประตูแห่งเดียว หมายความว่า ให้จิตตั้งนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องเคลื่อนไหวไปกับลม

ที่ว่าให้สังเกตลักษณะของวัวก็คือให้รู้จักสังเกตว่า ลมเข้าสั้นออกสั้นดี หรือลมเข้ายาวออกยาวดี ลมเข้ายาวออกสั้นดี หรือลมเข้าสั้นออกยาวดี ให้รู้ลักษณะของลมว่าอย่างไหนเป็นที่สบาย ก็ทำไปอย่างนั้นเรื่อยไป

ต้องทำให้ได้อย่างนี้ทั้ง ๓ เปราะ คือ เปราะแรกภาวนา พุทโธๆ ตั้งใจนึกด้วยสติหรือด้วยใจ เปราะที่สอง ให้สติอยู่กับลมเข้า พุท ลมออก โธ  ไม่ลืมไม่เผลอ และเปราะที่สาม จิตนิ่ง ทั้ง พุทโธ เสีย สังเกตแต่ลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว

๔. เมื่อทำได้เช่นนี้ ใจของเราจะนิ่ง ลมก็นิ่งเหมือนกับขันน้ำที่ลอยอยู่ในโอ่ง น้ำก็นิ่งขันก็นิ่ง เพราะไม่มีใครไปกด ไปเอียง ไปกระแทกมัน ขันนั้นก็จะลอยเฉยเป็นปกติอยู่บนพื้นน้ำ เหมือนกับเราขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดเขาสูงๆ หรือขึ้นไปลอยอยู่เหนิือเมฆ ใจของเราก็จะได้รับแต่ความสุขเยือกเย็น นี้ท่านเรียกว่าเป็น มหากุศล คือเป็น ยอด แก่น หรือรากเง่า ของกุศลทั้งหลาย

เมื่อดวงจิตของเราสงบ บุญต่างๆ ก็จะไหลเข้ามารวมอยู่ในดวงจิตของเรา คือความดีแล้วความดีในดวงจิตนั้นก็จะขยายตัวออกมาครอบทางกาย กายของเราก็จะหมดจากบาป ออกมาครอบทางวาจา ปากของเราก็จะหมดจากบาป ทางกายกรรมคือตาที่เราเคยสร้างบาปมา ทางหูที่เราเคยสร้างบาปมา และมือที่เราเคยสร้างบาปมา ฯลฯ  ความดีที่เกิดจาการภาวนานี้มันจะขยายมาล้างตา มาชำระหู มาล้างมือ กายที่บาปด้วยสัมผัส บุญก็จะขยายมาล้าง ทีนี้กาย วาจา ตา หู จมูก ปาก และส่วนอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลายของเรา ก็จะเป็นของสะอาดหมด

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562

รายพระนามพระพุทธเจ้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไปยังการนำทางไปยังการค้นหา
พระพุทธเจ้าที่ล่วงมาแล้วหลายพระองค์ มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน อุปมาว่าจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ล่วงไปแล้วมีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายในมหาสมุทรทั้งสี่ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเรื่องพุทธวิสัยเป็นอจินไตย คือเป็นสิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน
ในพุทธวงศ์ หมวดพุทธปกิณณกกัณฑ์ซึ่งว่าด้วยเรื่องเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า [1] กล่าวถึงพระพุทธเจ้าไว้ 28 พระองค์ โดยเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพุทธวงศ์ 3 พระองค์ และในพุทธวงศ์ 25 พระองค์ รวมเป็น 28 พระองค์ดังนี้
ซึ่ง 28 พระองค์นี้ 3 พระองค์แรก คือ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกรพุทธเจ้า และ พระสรณังกรพุทธเจ้า ไม่ได้พยากรณ์แก่พระโคตมพุทธเจ้าสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์ แต่เพิ่งจะได้รับการพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าครั้งแรกจากพระทีปังกรพุทธเจ้า จึงนับพระทีปังกรเป็นพระองค์ที่ 1 ในพุทธวงศ์
(หมายเหตุ พระโคดมพุทธเจ้าในอดีตได้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัปที่แล้วโดยในครั้งนั้นพระองค์เห็นพระธุดงค์อยู่ในป่าแล้วศรัทธาถวายผ้าเก่า ดังที่พระองค์ตรัสเล่าไว้เองใน พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติ (พระไตรปิฎกเล่มที่ 32)[2]ไม่ใช่ปรารถนาครั้งแรกตอนแบกมารดาว่ายข้ามแม่น้ำอย่างที่เข้าใจกันตามข้อมูลในหนังสือมุนีนาถทีปนี [3] และหลังจากที่ได้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรกแล้วก็บำเพ็ญบารมีอย่างต่อเนื่องจนได้มาพบกับพระทีปังกรพุทธเจ้าแล้วได้รับพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้าว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน)
หากแบ่งตามกัป โดยการนับอสงไขยกัปในที่นี้ จะนับอสงไขยกัปแรกโดยเริ่มนับจากช่วงเวลาที่ อดีตชาติของพระโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มสร้างบารมี โดยการอธิษฐานในใจว่าปรารถนาจะเป็นพระสัมมาพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จะมีพระพุทธเจ้าในอดีตตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกดังต่อไปนี้

อ้างอิง

  1.  http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=8563&Z=8606
  2.  http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=32&A=7849&Z=7924
  3.  มุนีนาถทีปนี: ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า
  4.  พระไตรปิฎกบาลีฉบับสยามรัฐ เล่มที่ 32 สืบค้นจาก http://www.thammapedia.com/dhamma/tripitaka/tri_verpali/32.pdf
  5.  พระไตรปิฎกฉบับประชาชน อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ
  6.  http://reocities.com/ss12345_th/poti/P204.html
  7.  พระไตรปิฎกฉบับประชาชน อ.สุชีพ ปุญญานุภาพ
  8.  http://reocities.com/ss12345_th/poti/P205.html

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

การเตรียมตัวให้พร้อมกับปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่มากที่จะเกิดขึ้นในปี 2020

การเตรียมตัวให้พร้อมกับปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่มากที่จะเกิดขึ้นในปี 2020
ทางคุณไมเคิล เลิฟได้รับการสื่อสารจากพลียะดีส
มีใจความสำคัญสรุปให้เพื่อนๆได้ดังนี้

1.ให้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับปรากฏการณ์ แกรนด์โซล่าร์ แฟลช
โซล่าร์ แฟลช น่าจะหมายถึงการสว่างวาบครั้งใหญ่ของสุริยะจักรวาล
สว่างวาบ น่าจะหมายถึงพลังงานแสงสว่างก้อนมหึมาที่จะถูกส่งมาที่โลก
ก้อนมหึมา น่าจะหมายถึงคลื่นพลังงานที่รุนแรงมากจนเกิดแสงสว่างไสวขึ้นทั้งจักรวาล
กำหนดไว้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม น่าจะตรงกับวันวันวสันตวิษุวัต 
(ราววันที่ 20 หรือ 21 มี.ค. เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี นับเป็นวันที่ประเทศทางซีกโลกเหนือเข้าย่างสู่ฤดูใบไม้ผลิ ส่วนซีกโลกใต้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง)
ปรากฏการณ์นี้เป็นไปเพื่อปลดปล่อยคนบนโลกให้เป็นอิสระจากการถูกครอบงำ
เป็นวันที่โลกทั้งใบจะขึ้นสู่มิติที่ 5 อย่างสมบูรณ์ 

2.กระบวนนี้เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเปิดใช้งานดีเอ็นเอเกลียวใหม่
ที่มนุษย์เรามีอยู่ในตัว แต่ถูกปิดกั้นไว้เมื่อ 350,000 ปีที่แล้วโดยพวกมืด
ปกติเราจะทราบกันเพียงว่า มนุษย์เรามีดีเอ็นเอเป็นเกลียวคู่ มี 2 คู่ 4 สาย
ในความเป็นจริงแล้วเรามี 12 สาย ที่เปิดใช้งานกับจักระทั้ง 12 จักระ
ในการเลื่อนระดับขึ้นของมนุษย์ จำเป็นที่จะต้องเปิดใช้งานดีเอ็นเอสายที่ห้าให้ได้
วิธีการเปิดใช้งานก็ด้วยการส่งคลื่นความถี่ที่สูงขึ้นเข้ามาที่โลกเป็นระยะๆ
โดยได้มีการกระทำกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2018 
เราสามารถตรวจวัดได้จากเครื่องอ่านคลื่นความถี่มวลรวมชูมานน์ เรโซแนนซ์
จะเห็นได้ว่าโลกของเรามีคลื่นมวลรวมที่สูงขึ้นเป็นช่วงๆตามที่ได้รับความข่วยเหลือจริง

3.ข้อดีของการเพิ่มขึ้นของคลื่นความถี่มวลรวมก็คือการตื่นรู้ของมนุษย์บางคน
ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีมนุษย์อีกเป็นจำนวนมากที่ยังคงหลงอยู่กับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
นั่นก็คือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ความอยากในวัตถุ ความไม่รู้ในเหตุของการเกิดของตน
ข้อเสียของการเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่คือมันทำให้หลายคนไม่สบายเอามากๆ
คลื่นแสงที่รุนแรงจะไปทำการคัดแยกผู้คนออกจากกัน ให้เหลือขาวอยู่กับขาว ดำก็จะอยู่กับดำ ไม่มีเทา คือบีบเค้นให้คนได้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาว่าเขาเป็นฝ่ายแสงหรือฝ่ายมืด 
โลกของเราจะกลายเป็นโลกที่มีคลื่นสั่นสะเทือนมวลรวมเพิ่มขึ้นจากเดิม 7.83 hz.อันเป็นความถี่ของมิติที่ 3 ไปอยู่ที่ 40 hz.อันเป็นความถี่ขั้นต่ำของมิติที่ 5 ไปจนถึง 100 hz.

4.การที่จะไปถึง แกรนด์โซล่าร์ แฟลช คือระดับความถี่ 40-100 hz.
จึงเกี่ยวข้องกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายของเราไปด้วย
จากนี้ไปจะมีการใช้ปรับเปลี่ยนคลื่นพลังงานแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ให้ใหม่
โดยกองกำลังจานบินแสงของเราจะเข้าไปทำการปรับแต่งแก้ไขดวงอาทิตย์เสียใหม่
ซึ่งจะมีคนเห็นยานลำใหญ่ของเราบินเข้า-ออกจากดวงอาทิตย์และโคจรไปรอบๆโลก
จะมีการเปิดหลุมโคโรน่าเทียมเพื่อส่งลำแสงที่มีความถี่พิเศษมายังโลกให้มากขึ้น
เป็นลำแสงไอออนไนซ์ โฟตอน-แกรมม่าไลท์ ที่จะไปกระตุ้นดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตให้มีระดับจิตสำนึกที่สูงขึ้นในทันทีทันใด 

5.ลำแสงชุดใหม่จากดวงอาทิตย์ที่ส่งมาที่โลกจะทำการตัดเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของเซลล์ของเราเพื่อทำการแอคติเวทผลึกแก้วที่ติดมากับทุกเซลล์ของเราให้เปิดใช้งาน
สิ่งที่จะตามมาคือจะทำให้มนุษย์มีร่างกายที่โปร่งแสง มีน้ำหนักเบา เปลี่ยนแปลงที่โครงสร้างจากคาร์บอนเบสให้กลายมาเป็นซิลิคอนเบส 
ซึ่งหลายๆคนคงจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สสารที่มีความทึบตันกลับกลายมาเป็นสิ่งที่โปร่งเบา ขอให้ติดตามดูกันเอาเองว่าจะมีคนที่จะสามารถตอบสนองกับคลื่นความถี่ใหม่นี้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในความเป็นชาวพุทธเราก็คงพอจะเดากันได้ว่าผู้ที่จะอัพเกรดตนเองได้รวดเร็วคือผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั่นเอง

ที่ถอดความมานี้ เป็น 1 ส่วนใน 10 ส่วนที่คุณไมเคิลเขียนมา
รายละเอียดของกระบวนการทั้งหมดได้ลงไว้ให้ในแผ่นภาพ 
เผื่อใครสนใจที่จะเจาะลึกลงไปในรายละเอียด

สิ่งที่พวกเราทั้งหลายพึงสังวรณ์ไว้ก็คือ
อาการทางกายที่หลายคนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้
อาการทางใจที่หลายคนประสบอยู่ในขณะนี้
เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงคลื่นความถี่ให้กับโลกทั้งสิ้น
ผู้ที่ตื่นรู้จะต้องประสบ
คนที่ยังไม่ตื่นก็จะไม่รู้และไม่เจอสิ่งที่เราเจอ
เขาเหล่านั้นยังโง่งมจมอยู่กับการสนองความต้องการทางกาย
ก็จงอย่าได้ไปเปรียบเทียบตนเองกับพวกเขาเหล่านั้นเลย
สิ่งที่เราผู้ตื่นแล้ว จะต้องทำความเข้าใจให้มาก
ก็คือการพาตนเองเข้าสู่วิถีแห่งพุทธะให้ได้ และให้เร็วที่สุด
เพื่อที่เราจะได้เป็นส่วนสำคัญในการพาโลกขึ้นสู่มิติที่ 5 
เราคือผู้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณ
เราคือผู้ที่จะมีคลื่นความถี่สูง แล้วดึงผู้คนให้ขึ้นสู่ที่สูงด้วยคลื่นของเรา

อย่าใช้เวลาผิดด้วยการเอาใจไปใส่ไว้กับเรื่องเน่าๆ
เรื่องของโลกในมิติที่ 3 อันเป็นโลกของการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
มีการเปิดโปงหลากหลายเรื่องราวของความเน่าเฟะของคนในสังคม
ที่นับวันจะทวีความแย่ลงมากกว่าเดิม
เรื่องของคนในครอบครัวที่ยิ่งกว่านิยายน้ำเน่า 
เราก็ต้องหาทางเดินออกมาจากวงสาคณาญาติเน่าๆเหล่านี้ให้จงได้
เราจำเป็นต้องแสวงหาสภาพแวดล้อมที่ดีถ้าเราคิดว่าที่เราอยู่นั้นมันแย่
อย่าเสียเวลา อย่าให้ราคา กับของที่ไม่จริง กับคนที่ไม่จริงใจ
หัดเป็นคนรู้จักพอ รู้จักอยู่อย่างพอเพียง 
มาถึงตรงนี้แล้วเราต้องรู้ว่า อะไรคือที่ใช่ อะไรคือไม่ใช่
จงแสวงหาความสงบในกายและความสงบในจิต
แม้ตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งปวง
นี่คือการเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมกับของจริงที่ใกล้เข้ามาทุกที
ของจริงที่ว่านี้คือ อิสรภาพของเราทุกคน
กล่าวคืออิสระจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง
คุณพร้อมแล้วยังกับการอยู่ในโลกใหม่ยุดจักรพรรดิ
เมื่อใดที่คุณพร้อม...เมื่อนั้นยุคจักรพรรดิก็จะมาถึง
ยุคจักรพรรดิมาไม่ได้ มีไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ถึงพร้อม
คงบอกได้เพียงเท่านี้

โพสต์ของ Michael Love
https://www.facebook.com/100007178889998/posts/2372652696317337?sfns=mo
คลิปเสียงของ Michael Love
https://youtu.be/IUDwGLdPeIU